Skip to main content

โดย...ลูกสาวชาวเล


  
ถ้าเอ่ยถึงที่ดินริมทะเลแล้วหลายคนคงอยากมีและอยากได้ไว้ครอบครองสักผืนหนึ่ง พื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หมู่บ้านริมทะเลหรือบนเกาะแก่งน้อยใหญ่ของไทยที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงพื้นบ้านถูกขายออกไปสู่มือนายทุนจำนวนมาก และส่วนใหญ่นายหน้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมักจะเป็นคนในพื้นที่นั้นเอง ถ้าเราลองสอบถามผู้คนในหมู่บ้านริมทะเลว่ายังเหลือที่ดินเป็นกรรมสิทธิครอบครองอยู่อีกกี่ครอบครัว คำตอบที่ได้ทำให้รู้สึกหนักใจได้มากทีเดียว ส่วนใหญ่เหลืออยู่เพียงร้อยละ ๒๐ - ๓๐ เท่านั้นเอง ที่พอมีเหลืออยู่ก็เพียงแค่พื้นที่ปลูกบ้าน บางคนแม้กระทั่งบ้านที่อยู่ก็ไม่มีเอกสารสิทธิ

กระแสการพัฒนาประเทศและการปั่นราคาที่ดินเร่งผลักดันให้ชาวบ้านขายที่ดินซึ่งเป็นสมบัติเพียงอย่างเดียวออกไปอย่างไม่มีวันฟื้นคืน เรื่องราวต่อไปนี้เป็นกรณีตัวอย่างจากครอบครัวหนึ่งที่สร้างความขัดแย้ง ความทุกข์ทรมานให้แก่คนภายในครอบครัวต่อเนื่องยาวนานจนกระทั่งปัจจุบัน

 

นางมิยะ และนายแช็น มะเหร็ม สองสามีภรรยาที่อยู่อาศัยในชุมชนประมงขนาดเล็ก ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง แต่งงานอยู่กินกันมากกว่า ๕๗ ปี มีลูกด้วยกันทั้งหมด ๙ คน ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผู้เฒ่าทั้งสองเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลาน เป็นคนที่มีน้ำใจเอื้ออาทร ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ครอบครัวนางมิยะและนายแช็นเป็นครอบครัวชาวประมงที่มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อาศัยทะเลเป็นแหล่งทำมาหากิน เช้าออกทะเลหากุ้งหาปลา เย็นกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอน ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด

 

จนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๑ ในยุคสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี และได้ประกาศนโยบายการท่องเที่ยว เพื่อต้องการให้ชาวต่างชาติเข้าท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากได้มีนโยบายนี้ออกมา มีนายทุนมากว้านซื้อที่ดินบริเวณชายทะเลเพื่อทำรีสอร์ท ทำให้ราคาที่ดินริมชายเลมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ


ครอบครัวที่เคยอยู่กันมาอย่างมีความสุข ความเป็นพี่เป็นน้องที่เคยมีเริ่มหายไป เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาถามซื้อที่ดินแปลงที่ติดชายทะเลซึ่งเป็นที่ดินมรดกที่นางมิยะได้รับมาจากบิดา และเป็นที่ดินที่มีบ่อน้ำจืดอยู่ริมชายหาด (บ่อทวด บ่อน้ำที่คนในชุมชนใช้สำหรับอุปโภคบริโภค) ในราคา ๙ ล้านบาท ซึ่งนายแชน และนางมิยะ ได้ปฎิเสธไปและไม่ยอมขาย

 

ต่อมาเมื่อพี่ชายร่วมอุทธรณ์ของนางมิยะรู้จึงเกิดความโลภอยากจะได้ที่ดินเพื่อนำไปขาย จึงพยายามหาช่องทางกลั้นแกล้งต่างๆนานาเพื่อต้องการให้นายแชน และนางมิยะหนีไปอยู่ที่อื่น จนกระทั่งในปี ๒๕๓๓ ลูกเขยคนโตของนายแชน และนางมิยะ ถูกยิงตาย ได้ทิ้งลูกสาวของนางมิยะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่แปดเดือน พร้อมทั้งลูกอีก ๔ คนเอาไว้

 

ด้วยความตกใจกลัว ประกอบกับไม่เคยเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้มาก่อน นายแชน และนางมิยะ ได้พาลูกๆหลานๆหนีไปอยู่ที่บ้านเกาะปู อ.เหนือคลอง จ.กระบี่

 

ด้วยความรักในแผ่นดินเกิด บวกกับคำสั่งเสียของผู้เป็นพ่อนายดำ รัญวาศรี ตลอดระยะเวลา ๑ ปี ที่ไปอยู่เกาะปูทุกคืนนางมิยะไม่เคยนอนหลับสนิทเลย ทุกครั้งที่หลับตานางมิยะจะได้ยินคำสั่งเสียของพ่อ "มึงอยู่ที่นี่อย่าไปไหน ที่ดินผืนนี้อย่าให้ใครขาย สมบัติที่มีอย่าให้ฉิบหาย ถ้าใครขายสมบัติของกูมันจะต้องฉิบหาย และตายโหง กูขอให้มึงอยู่ที่นี้อย่าไปไหน และถึงแม้กูจะตายไป กูก็จะไม่ไปไหนกูจะอยู่ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนมึง" ด้วยคำสั่งเสียที่นางมิยะไม่เคยลืม และกุโบร์ (สุสาน) ที่ฝั่งร่างของผู้เป็นพ่อก็ได้ฝั่งอยู่ในที่ดินผืนนั้น ตามคำสัญญา ทำให้นางมิยะตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน ในปี ๒๕๓๔ นั้นเอง

 

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า ๑๘ ปีแล้วที่ที่นายแช็น และนางมิยะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องที่ดินผืนนี้ ตามคำสั่งเสียของผู้เป็นพ่อ นางมิยะกลายเป็นโรคหัวใจ ลูกชายคนที่ ๒ เป็นโรคประสาท ลูกๆของนายแช็น และนางมิยะ อยู่อย่างเจ็บปวด "บังเตไม่ได้ตายคนเดียว แต่พวกเราทั้งหมดก็ได้ตายตามไปด้วย ทุกวันนี้พวกเรามีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น" เป็นคำพูดของลูกๆของนายแชน และนางมิยะ พูดอยู่เสมอ

 

ตลอดระยะเวลา ๑๘ ปี พี่ชายของนางมิยะ และลูกๆพยายามทุกวิถีทางที่จะแย่งที่ดินของนายแชน และนางมิยะไปขาย ทั้งข่มขู่คุกคาม ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อบีบบังคับต่างๆนานาแต่ไม่เคยได้ผล นายแชน และนางมิยะ และลูกๆ ยังยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมอยู่เสมอ

 

"กูไม่ขาย กูไม่อยากให้ชาวบ้านแหลมไทรต้องเดือดร้อน กูได้เงินไปอยู่สุขสบายก็จริง แต่พี่น้องข้างหลังลำบากกูไม่อยากให้ใครสาปแช่งตามหลัง" เป็นคำพูดที่นางมิยะ พูดเสมอเมื่อมีคนมาขอซื้อที่ดินจากนาง

 

"คนเลพันกูไม่เคยเห็นเงินเป็นล้านๆที่เขาว่าก็จริง ฮึ..!คนเลพันเราขึ้นอยู่ดอน(อยู่ไกลจากทะเล หรืออยู่ในเมือง) มีแต่อดตาย แต่ถ้าเราอยู่ใกล้ทะเล ถ้าไม่มีข้าวสาร เราก็สามารถออกเลไปตกปลา หรือวางอวนก็ได้มาแล้วส่วนซื้อข้าวสารโลสองโล แต่ถ้าอยู่ดอนพอเงินหมดเราไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร กูเห็นมามากแล้วคนที่ขายที่ดิน ฉิบหายทุกราย เพราะโต๊ะย่าตายายมันสาปแช่ง เขาอุตสาห์สร้างไว้ให้ แต่ลูกหลานเอาไปขาย" หลายๆคำพูดที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกของผู้เฒ่าทั้งสอง


สังคมในยุคทุนนิยมนี้คงจะไม่มีใครจะเข้าใจถึงความรักและความผูกพันธ์ต่อผืนแผ่นดินที่ฝังรก และหลายคนอาจจะมองว่าครอบครัวนี้เป็นเพียงครอบครัวเล็กๆที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลยในสังคมคนส่วนใหญ่


ในอดีตถ้าเรานึกทบทวนถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย บรรพบุรุษของเราต้องเสียเลือดเสียเนื้อตั้งเท่าไหร่เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน แต่มา ณ วันนี้คนต่างชาติหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนมาลูกเดียวก็ซื้อแผ่นดินของเราไปได้สบาย

 

พวกเรากำลังตกอยู่ในสงครามแย่งชิงทรัพยากร จากคนที่เขามีอำนาจเหนือกว่า เท่าทันข้อมูลมากกว่า คุณกำลังตกเป็นทาสในสังคมที่ปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย คุณกำลังจะสิ้นชาติ สิ้นศาสนา วัฒนธรรม สิ้นอิสรภาพ คุณจะยอมสิโรราบ แค่อำนาจเงินกระนั้นหรือ?

 

ลุกขึ้นเถิด ลุกขึ้นร่วมกันปกป้องแผ่นดินแม่ ก่อนที่จะสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน นี่เป็นคำร้องขอจากครอบครัวเล็กๆที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายเปิดประเทศเพื่อสนองการท่องเที่ยว

 

ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ไม่ได้ชี้วัดกันด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี แต่ความสุขของคนเราอยู่ที่ความพอเพียง "ดังพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง"

 

 

 

บล็อกของ คนไร้ที่ดิน

คนไร้ที่ดิน
โดย...สุภาภรณ์ วรพรพรรณ, ระวี ถาวร และ สมศักดิ์ สุขวงศ์   เส้นทางเข้าสู่บ้านตระ 29 มกราคม 2553 เดือนเต็มดวงในค่ำคืนนี้ อยู่ใกล้แทบจะเอามือคว้าได้ ฉันเข้านอนก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย เมื่อหัวค่ำพี่น้องชาวบ้านตระได้เล่าประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านและบรรพบุรุษของพวกเขา ฉันหลับตานอนเท่าไรก็ไม่ค่อยจะหลับ ด้วยจิตใจจินตนาการถึงหนังสือของบริก แฮม ยัง ที่เขียนเรื่องหมู่บ้านโบราณที่โลกลืมของอินเดียแดงเผ่าอินคาท่ามกลางป่าดงดิบบนเทือกเขาแอนดีส (The Lost City of Incas)
คนไร้ที่ดิน
กว่าจะปรากฏเป็นรูปการณ์การดำรงอยู่และการดำเนินไปของชีวิตแห่งมวลมนุษยชาติในยุคปัจจุบันได้นั้น... ได้ผ่านความยากลำบากมากด้วยกัน ด้วยการร่วมกันดิ้นรนและต่อสู้อย่างบากบั่น ผ่านห้วงเวลา ผ่านการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยของสังคม จนผนึกแน่นเป็นสัญชาตญาณห่อหุ้มอยู่ด้วยจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง ละเมียดละไมกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย
คนไร้ที่ดิน
อารีวรรณ คูสันเทียะ กลุ่มปฏิบัติการท้องถิ่นไร้พรมแดน     นับตั้งแต่เกิดวิกฤติด้านการเงิน ประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ถูกทำให้ผิดเพี้ยนไป เมื่อพิจารณาจากรายงานข่าวของสื่อต่างๆที่ออกมา เช่น “เกาหลีใต้กำลังเช่าที่ดินครึ่งหนึ่งของมาดากัสการ์ เพื่อผลิตอาหาร” (อันที่จริงแล้วไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นของบริษัทแดวู) ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากมักจะให้ความสนใจว่าผู้ที่มีบทบาทนำในการกว้านซื้อที่ดินเพื่อผลิตอาหารในระดับโลกนั้นเป็นประเทศ หรือรัฐบาลไหน ความสนใจส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่การเกี่ยวพันของรัฐบาล เช่น ซาอุดิอาระเบีย จีน หรือเกาหลีใต้ แท้ที่จริงในขณะที่รัฐบาลเป็นผู้อำนวยการด้านการเจรจา…
คนไร้ที่ดิน
ศยามล ไกยูรวงศ์ โครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา     ประเด็น “โลกร้อน” เป็นเรื่องใหญ่ที่ใกล้ตัว ถ้าโลกร้อนขึ้นอีก 2 – 4 องศาเซลเซียส กล่าวกันว่ามนุษย์ทุกคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ที่แน่ๆคนจนและผู้ด้อยโอกาสได้รับผลกระทบมากที่สุด และไม่มีทางเลือกใดๆต่อการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้ และประเด็นนี้เองที่ “คณะทำงานโลกเย็นที่เป็นธรรม” มีข้อเสนอต่อการเจรจาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคีสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติ ในการประชุมที่กรุงเทพฯ และที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ว่า
คนไร้ที่ดิน
รุ่งเช้าสายหมอกยังบ่จาง เด็กๆ จับกลุ่มเดินไปโรงเรียน หนุ่มสาวแบกตะกร้าหนักอึ้งกลับจากไร่ ผักกาดเขียวถูกเก็บมาสุมไว้ท้ายกระบะรถเตรียมส่งขายในเมือง ชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านหนองเต่ายังดำเนินเช่นทุกวัน  เพียงแต่วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับชาวบ้านหลายคน เพราะบ้านอยู่อู่นอนกำลังจะได้เอกสารสิทธิ์หลังรอคอยมาเกือบ  30 ปี
คนไร้ที่ดิน
นักข่าวพลเมือง เทือกเขาบรรทัดหวัดดีจ้า, เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวบ้านไร่เหนือ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาบรรทัดรอยต่อระหว่างพัทลุงและนครศรีธรรมราช บ้านไร่เหนือก่อตั้งมาหลายร้อยปีแล้ว จากหลักฐานบ่งชี้คือ เครื่องใช้โบราณที่เป็นกระเบื้องและดินเผา โครงกระดูกที่ขุดพบ นอกจากนั้นยังมีสวนผลไม้โบราณ เช่น ทุเรียน มัดคุด มะปริง มะปราง ลางสาด เป็นต้น
คนไร้ที่ดิน
หวัดดีจ้า, 2-3 วันที่ผ่านมาได้พาทีมงานที่จะมาช่วยทำสารคดี หนังสั้น และพ็อคเก็ตบุค  ไปตะลอนทัวร์ชิมผลไม้ ในพื้นที่ทำงาน 3 หมู่บ้านของเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เลยเก็บมุมงามๆ และอิ่มอกอิ่มใจมาฝาก ตั้งใจยั่วน้ำลายทุกคน อยากชวนไปเก็บผลไม้กินด้วยตัวเองจ้า
คนไร้ที่ดิน
การที่สังคมถูกปล่อยปละละเลยให้ดำเนินไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยคาดการณ์ว่าการพัฒนาดังกล่าวจะสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับสังคม ผู้คนมีอาชีพที่หลากหลายมีรายได้สูง ก่อเกิดการสร้างงาน สร้างสังคม สร้างชาติ และหล่อเลี้ยงระบบให้เจริญรุ่งเรืองยาวนาน โดยเน้นการผลิตที่ตอบสนองความต้องการของตลาดเพื่อสร้างรายได้และชี้วัดความสุขความเข็มแข้งมั่นคงของสังคมด้วยเงินตราและมูลค่าสมมุติต่างๆ
คนไร้ที่ดิน
คณะทำงานศึกษาแนวทางการกระจายการถือครองที่ดินฯ ที่ดินเป็นต้นทุนทางสังคมที่มีความสำคัญขั้นพื้นฐานต่อสิทธิในที่อยู่อาศัยและสิทธิในการทำกินอันมั่นคงของประชาชนและเกษตรกร  ที่ดินเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของการเป็นปัจจัยสี่ต่อการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ เป็นฐานความมั่นคงทางอาหารที่สำคัญ  เมื่อที่ดินในประเทศไทยนั้นไม่สามารถงอกเงยขึ้นมาได้  หากไม่มีการกระจายการถือครองที่ดินให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม   ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งและเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ 
คนไร้ที่ดิน
  นรัญกร กลวัชรกลุ่มปฏิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน  การหยิบยกประเด็นปัญหาที่ดินขึ้นมาพูดอีกครั้งของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะเรื่องโฉนดชุมชน และภาษีที่ดิน ได้จุดชนวนการถกเถียงในประเด็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน และการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรมขึ้นมาอีกครั้งในสังคมไทย ไม่ว่าประเด็นปัญหาที่ดินจะเป็นประเด็นปัญหาที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ต้องการผลักดันแก้ไขอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นเพียงการขายฝันสร้างภาพพจน์รัฐบาลที่เป็นธรรมก็ตาม นี่ก็ถือเป็นโอกาสอันดี ที่สังคมจะได้ทำความเข้าใจในประเด็นปัญหาที่ดินทำกินในภาคชนบท อันเป็นปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย…
คนไร้ที่ดิน
โดย...ลูกสาวชาวเล  ถ้าเอ่ยถึงที่ดินริมทะเลแล้วหลายคนคงอยากมีและอยากได้ไว้ครอบครองสักผืนหนึ่ง พื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หมู่บ้านริมทะเลหรือบนเกาะแก่งน้อยใหญ่ของไทยที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงพื้นบ้านถูกขายออกไปสู่มือนายทุนจำนวนมาก และส่วนใหญ่นายหน้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมักจะเป็นคนในพื้นที่นั้นเอง ถ้าเราลองสอบถามผู้คนในหมู่บ้านริมทะเลว่ายังเหลือที่ดินเป็นกรรมสิทธิครอบครองอยู่อีกกี่ครอบครัว คำตอบที่ได้ทำให้รู้สึกหนักใจได้มากทีเดียว ส่วนใหญ่เหลืออยู่เพียงร้อยละ ๒๐ - ๓๐ เท่านั้นเอง ที่พอมีเหลืออยู่ก็เพียงแค่พื้นที่ปลูกบ้าน…
คนไร้ที่ดิน
เมธี สิงห์สู่ถ้ำ กองเลขาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย(คปท.) นโยบายแจก 2 พันบาทเป็นมาตรการที่เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศของรัฐบาล ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หลังการประชุมได้ข้อสรุปว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับแจก 2 พันบาท ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 กลุ่มคนนี้ คือ กลุ่มแรก คือ ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งหมายถึง กลุ่มคนที่อยู่ในระบบประกันสังคมปกติ หรือออกจากงานแต่ยังจ่ายสมทบต่อเนื่องด้วยตัวเอง ตามมาตรา 39 มีประมาณ 8 ล้านคน กลุ่มที่สอง คือ ผู้ที่เป็นบุคลากรของภาครัฐ…