Skip to main content

มีคนเขาว่าเราไปดูถูกเขาแน่ะ
น้าอู๊ดถีบจักรยานมากระซิบกระซาบบอกฉันที่หน้าบ้านในคืนวันหนึ่ง ก็น้าอู๊ดเจ้าเก่าที่เคยมาเรียกฉันออกไปทัวร์กองขยะตอนเที่ยงคืนแล้วเจอ “ความลับในกระสอบ” นั่นละค่ะ (
http://www.prachatai.com/column-archives/node/2522)


เหตุเกิดตอนที่ฉันเพิ่งย้ายบ้านสี่ขาจากอีสานเข้ามาอยู่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งชานเมืองกรุงเทพฯ ตามสภาพงานและชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆในตอนนั้น


อะไรนะคะน้าอู๊ด”ฉันยังปรับสติไม่ทันเพราะเพิ่งลากสังขารลงจากรถประจำทาง แถมยังตกใจเงาดำๆ ของคนที่โผล่เข้ามาประชิดตัวตอนไขกุญแจรั้วบ้าน
มีคนเขาว่าเราน่ะไปดูถูกเขา” น้าอู๊ดพูดซ้ำ
ฮ้า ดูถูก ใคร ยังไง ตอนไหนเหรอคะ” ฉันถามแบบงงๆ ชีวิตนี้อาจจะไม่แน่ใจว่าเคยดูใครผิดมาบ้าง แต่แน่ใจอยู่อย่างว่าไม่เคยดูถูก

แถมนอกจากน้าอู๊ดที่ขายขนมปังนมสดเลิกดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืนแล้ว ฉันผู้ซึ่งออกจากบ้านแต่เช้ามืดและกลับดึกเป็นนิจสินก็แทบไม่ได้พูดคุยกับใครในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้

คิดหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก ได้แต่ยืนทำตาปริบๆ

เขาว่าเราแกล้งเอาชื่อลูกเขามาตั้งให้หมา” น้าอู๊ดแจงข้อหาให้ฟัง
ฮ้า เอาชื่อลูกเขามาให้หมา หมาตัวไหนคะ” ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก
น้ำว้าไง” น้าอู๊ดเฉลย

.................

น้ำว้า เป็นหมาตาโต ตัวเตี้ย ขนสีน้ำตาล มีขาสีขาวครึ่งๆ กลางๆ อยู่ข้างหนึ่ง คล้ายๆ เด็กใส่ถุงเท้าไม่ครบ

ฉันเจอน้ำว้าในวันที่มันยังเป็นลูกหมาน้อย กำลังร้องโหยหวนด้วยความหิว ในย่ามฉันตอนนั้นมีแต่กล้วยน้ำว้าสุก จึงหยิบมาทำกล้วยย้ำ คือเอาใส่ปากเคี้ยวให้นิ่มเละ คายใส่มือแล้วยื่นให้ลูกหมา มันกินกล้วยอย่างตะกรุมตะกราม กินเอา กินเอา จนท้องป่อง

แม่ของน้ำว้าเป็นหมาในบ้านหลังใหญ่ อยู่ๆ เกิด “ท้องไม่มีพ่อ” แต่เจ้าของไม่ต้องการลูกหมาไร้สกุลรุนชาติ น้ำว้าได้มาอยู่บ้านสี่ขาเพราะฉันโชคดีไปเจอก่อนที่มันจะกลายเป็นหมาข้างถนน

น้ำว้าเป็นหมานิยมธรรมชาติ มันชอบวิ่งเข้าไปในดงดอกหญ้าสูงๆ ดมนั่นคุ้ยนี่ ไส้เดือนบ้าง ก้อนหินบ้าง บางทีก็ไปนั่งมองผีเสื้อ ฉันสงสัยเสมอว่าน้ำว้าคิดอะไรอยู่

ครั้งหนึ่ง น้ำว้าไปนั่งแหงนคออยู่ใต้ต้นลั่นทมเป็นนานสองนาน นั่งนิ่งเงียบไม่ขยับจนน่าสงสัย


ฉันย่องเข้าไปนั่งยองๆ ข้างๆ น้ำว้า แล้วแหงนหน้าในองศาเดียวกับมัน จึงได้เห็นว่า บนคาคบไม้ที่เจ้าน้ำว้ากำลังสนใจนักหนานั้น เป็นงูตัวเท่าแขน
!

งูนอนขดเป็นวงอยู่ระหว่างกิ่งลั่นทมงอๆ สองกิ่ง ทิ้งปลายหางลงมา ดูหมิ่นเหม่น่าตกเป็นอย่างยิ่ง มันนอนนิ่งเหมือนหลับ

ฉันตัวแข็งไม่กล้าขยับอยู่พักใหญ่ กะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว วางแผนว่าถ้างูเผลอจะค่อย ๆ ชวนน้ำว้าย่องหนี

กำลังวางแผนเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะอยู่ๆ น้ำว้าก็เห่าออกมาโฮ่งหนึ่ง


เฮ้ย เห่าทำไมเล่า” ฉันตะครุบปากน้ำว้า ใจสั่นระรัวกลัวงูตื่น ตาฝาดหรือเปล่าไม่รู้ที่เห็นหางงูแกว่งเบาๆ ฉันกัดฟันอุ้มน้ำว้าโกยแน่บออกมาจากตรงนั้นสุดชีวิต

อดสงสัยไม่ได้ว่า ที่น้ำว้าเห่าใส่งูนั้น มันตั้งใจเห่าไล่หรือว่าเห่าทักทาย ประสาหมามีสุนัขสัมพันธ์

...................

เด็กๆ ในหมู่บ้านชอบน้ำว้า มักจะพากันวิ่งมาตะโกนเรียก น้ำว้าจะกระโดดโลดเต้นไปยืนสองขาเกาะรั้ว หางส่ายรัวอย่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้กินขนม

แต่ฉันเพิ่งรู้ว่ามีผู้ใหญ่ไม่ชอบ


แล้วเขาพูดหรือเปล่าว่าจะให้หนูทำยังไง” ฉันถามน้าอู๊ดผู้ทำหน้าที่ประหนึ่งประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน
เขาให้เราเปลี่ยนชื่อหมา อย่าเอาชื่อลูกเขาไปใช้ เขากลัวลูกมีปมด้อย
อะไรกันเนี่ย” ฉันคราง “แล้วคนชื่อแมว หมี หมู หนู นก เป็ด ไก่ กุ้ง กบ กระต่าย ปลา สารพัดสัตว์ เขามีปมด้อยกันบ้างไหมนี่
ชื่อหมาก็มีด้วยละ น้ารู้จักอยู่คน ขายผักในตลาด แกชื่อป้าหมา” น้าอู๊ดเพิ่มเติมข้อมูล
แหม อยู่ๆ เปลี่ยนชื่อ มันจะสับสนนะน้า” ฉันพยายามรักษาสิทธิของหมา “แล้วถ้าหนูไม่เปลี่ยนล่ะ
เห็นเขาว่าจะฟ้องกรรมการหมู่บ้านว่าเราทำให้ลูกเขามีปมด้อย

ฉันยืนเกาศีรษะ งงจนขำ

แล้วลูกเขาว่าไงคะ ลูกเขาอายุเท่าไหร่เนี่ย
รู้สึกจะขวบกว่าๆ เกือบสองขวบมั้ง
โอ้ว ขวบกว่าๆ ก็รู้จักจะมีปมด้อยแล้วหรือนี่ เด็กสมัยนี้โตเร็วจริงๆ

ทันใดนั้น ฉันก็นึกถึงหลักฐานสำคัญขึ้นมาได้ มันคือสมุดประจำตัวที่สัตวแพทย์จะบันทึกข้อมูลสุขภาพให้สัตว์ตั้งแต่ฉีดวัคซีนครั้งแรก และสมุดของน้ำว้าเริ่มใช้ตั้งแต่มันอายุสามเดือน


น้าอู๊ดรู้ไหม น้ำว้ามันชื่อน้ำว้ามาตั้งห้าปีแล้วนะคะ
จริงอ้ะ” น้าอู๊ดทำตาโต
ใช่แล้ว ต่อให้ไปฟ้องศาลไคฟง ท่านเปาก็เอาผิดหนูไม่ได้ เพราะหนูตั้งชื่อนี้ก่อนลูกเขาจะเกิดตั้งนาน เขาตะหากเอาชื่อหมาของหนูไปตั้งให้ลูก” ฉันแกล้งว่า

.................

น้าอู๊ดจะไปกระจายข่าวอย่างไรฉันไม่รู้ได้ แต่เวลาก็ผ่านไปโดยไม่มีวี่แววว่าฉันจะโดนฟ้อง

ฉันลองขี่จักรยานโฉบไปแถวๆ ซอยที่หน่วยสืบราษฎรลับ
(ของฉัน) รายงานว่าเป็นบ้านของคู่กรณี เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ กำลังเดินเล่น มีคุณยายหรือคุณย่าถือถ้วยข้าวเดินตาม

น่ารักจังเลยนะคะ” ฉันชมเด็กน้อยด้วยใจจริง อดนึกไม่ได้ว่าตาโตๆ ของแกนั้นช่างเหมือนตาของน้ำว้า
คุณยาย
(หรือคุณย่า) ของแม่หนูยิ้มปากกว้าง
ค่า...แกตอบรับแทนหลาน แล้วบอกว่า “น้องน้ำ ธุคุณน้าสิลูก
ชื่อน้องน้ำหรือคะ น้ำอะไรเอ่ย
น้ำว้าจ้า” คุณยายหรือคุณย่าตอบ “ตอนเล็กๆ ชอบกินแต่กล้วยน้ำว้า
อุ๊ย เหมือน...ฉันเกือบพลั้งปากพูดไปแล้วว่า เหมือนหมาของน้าเลย แต่เดชะบุญยั้งปากทัน “เหมือนน้าเลยค่ะ น้าก็ชอบกลวยน้ำว้า แฮ่ะๆ

ฉันยิ้มให้เด็กน้อย แกยิ้มหวานตอบ แถมส่งจูบให้ฉันตามคำสั่งของคุณยายเสียด้วย พอฉันส่งจูบตอบดังจ๊วบ แกก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก
..................

ช่วงนี้ไม่ว่าจะดูโทรทัศน์ช่องใด ที่วอบแวบผ่านตามากที่สุดจนขี้เกียจจะอ่าน คือข้อความที่ประชาชนพากันกระหน่ำส่งมาตั้งชื่อให้แพนด้าน้อย ลูกของช่วงช่วงและหลินฮุ่ยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ รายงานข่าวว่าเป็นแสนๆ ชื่อ

ประเภทของชื่อก็มีสารพัดจนจำแนกไม่ถูก ทั้งชื่อแนวธรรมชาติ เช่น ฟ้าใส แมกไม้ สายน้ำ ชื่อแนวเพื่อชีวิต เช่น เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน ขวัญข้าว ชื่อบ่งบอกเชื้อชาติ เช่น หมิงหมิง ฮุ่ยหลิน ซันไช่

ไม่ว่าสุดท้ายแพนด้าน้อยจะชื่ออะไร คงจะไม่มีใครลุกขึ้นมาฟ้องร้องว่า เอาชื่อคนไปตั้งให้แพนด้า เผลอๆ จะกลายเป็นชื่อฮิตติดกระแส ให้คนหยิบมาตั้งให้ลูกอีกต่างหาก

ฉันคิดขำๆ ว่า ที่ชื่อน้ำว้ามันมีปัญหา ก็เพราะมันเป็นแค่หมาธรรมดาๆ
ไม่ใช่หมาแพนดี้
! 

 

บล็อกของ มูน

มูน
รอยแผลลึกจากเขี้ยวและเล็บของเสือจิ๋วเริ่มตื้นขึ้นแล้ว หมอบอกว่าจะไม่ยัดผ้าก๊อซลงไปในแผลอีก ฉันถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ โล่งใจที่ไม่ต้องดูกรรมวิธีอันแสนจะหวาดเสียว ที่ถึงแม้จะคิดว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ แต่ไม่ต้องเจอบ่อยๆ ก็น่าจะดี(กว่า)มีเพื่อนๆ ที่กลั้นใจขอดูแผลของฉันแล้วถามด้วยความตกใจปนสงสัยว่า แผลยาวและลึกขนาดนี้ ทำไมหมอถึงไม่เย็บ จึงขอนำคำหมอมาอธิบายเป็นความรู้ใหม่สำหรับใครๆ ที่ยังไม่รู้ ว่าเหตุที่ไม่เย็บนั้นก็เนื่องจากเข็มกับด้ายหมด ไม่ใช่สักหน่อย อันนั้นล้อเล่น ความจริงคือ แผลที่ถูกสัตว์กัดมีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคบาดทะยัก (ซึ่งน่ากลัวมาก) และเชื้อตัวนี้จะเติบโตดีในที่ที่อากาศเข้าไม่ได้ …
มูน
แผงขายกล้วยปิ้งบนถนนสายใหญ่กลางกรุง ดึงดูดให้ฉันลงจากรถเมล์ก่อนถึงป้ายที่ตั้งใจจะลง ตรงเข้าไปบอกแม่ค้าสาวว่า “กล้วยปิ้งสิบบาทค่ะ” เธอเหลือบตาขึ้นเหนือศีรษะแวบหนึ่งแล้วบอกด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า “ขายยี่สิบบาท”ฉันสะดุ้ง รีบมองตามสายตาที่เธอตวัดไปเมื่อครู่นี้ เห็นป้ายแขวนไว้เขียนว่า กล้วยปิ้งทรงเครื่อง น้ำจิ้มรสเด็ด ชุดละ 20 บาท“อุ๊ย ขอโทษทีค่ะ ไม่ทันเห็น เอ้อๆ งั้นกล้วยปิ้งยี่สิบบาท” ฉันรู้สึกตัวเองพูดจาเงอะงะเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงจริงๆ ด้วย ไม่รู้แม้กระทั่งราคากล้วยในท้องตลาด ก็แหม กล้วยน้ำว้าบ้านฉันยังหวีละสิบบาทอยู่เลย (ยิ่งซื้อตอนตลาดวายอาจได้สามหวีสิบ)คนขายหยิบกล้วยสี่ลูกใส่ถุง…
มูน
อยู่ดีๆ ฉันก็เหลือมือที่ใช้การได้ข้างเดียว แถมเป็นข้างซ้ายที่ไม่ถนัดเสียด้วยมือขวาหายไปไหนล่ะ ไม่หายหรอกค่ะ ยังอยู่ แต่มันยื่นใบลาพักชั่วคราว ฉันจำต้องอนุมัติ เพราะมันอ้างว่าเป็นคำสั่งแพทย์สาเหตุการป่วยของมือขวามาจากตัวฉันเอง มีแมวน้อยน่ารักสองตัวเป็นส่วนประกอบเสือจิ๋วกับสตางค์เป็นลูกแมวกำพร้าที่ถูกทิ้ง ความจริงมันมีพี่น้องสี่ตัว แต่อดตายไปสอง มันโชคดีที่ได้เจอฉัน หรือว่าฉันโชคดีที่มีโอกาสได้ช่วยมันก็ไม่รู้ สองแมวเลยมาอยู่บ้านสี่ขา ได้ป้อนน้ำป้อนนมกันจนโตความที่ไม่รู้ว่าแมวทั้งสองตัวเกิดเมื่อไร การคาดเดาอายุของมันจึงคลาดเคลื่อนไม่มากก็น้อย ฉันตั้งใจจะจับมันไปทำหมันก่อนวัยกลัดมันจะมาถึง…
มูน
ฝรั่งมักเลี้ยงหมา ไม่ใช่ในฐานะสัตว์เฝ้าบ้าน แต่เป็นสมาชิกในครอบครัว ฝรั่งคนหนึ่งบอกว่า ชีวิตสมบูรณ์ของผู้ชาย ต้องประกอบด้วย การงาน บ้าน ภรรยา ลูกๆ และหมาอย่างน้อยหนึ่งตัวการเลี้ยงหมา(อย่างถูกวิธี) ช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็กๆ ให้ละเอียดอ่อนและรู้จักความรับผิดชอบ เพราะหมาพูดไม่ได้ ต้องอาศัยการใส่ใจสังเกตว่าเมื่อไหร่ที่มันหิว หนาว ร้อน หรือป่วยไข้ไม่สบาย การใส่ใจในทุกข์สุขของอีกชีวิตหนึ่ง สอนให้เด็กๆ อ่อนโยนและลดความเห็นแก่ตัว นักจิตวิทยาบอกว่า เด็กมักสบายใจที่ได้บอกเล่าความลับหรือปรับทุกข์กับเพื่อนสี่ขา ในหลายๆ เรื่องที่เขาไม่อาจสื่อสารกับผู้ใหญ ทั้งเด็กๆ ยังได้หัดเผชิญกับความสูญเสีย…
มูน
ในความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน บางครั้งมีสายใยที่มองไม่เห็นผูกโยงเราไว้ด้วยกัน และสายใยเส้นนั้นก็อาจถักทอมาจากหนวดหรือขนแมวสักตัวหนึ่ง หลายคราวที่คนไม่รู้จักกัน มาพบเจอ พูดคุย และถูกชะตากันด้วยเรื่องของเจ้าสี่ขา เป็นไปได้ว่า ในโลกของมิตรภาพอันไร้เงื่อนไข ไม่อาจมีกำแพงใดๆ ตั้งอยู่ได้เย็นวันเสาร์ที่ 22 กันยายน 2550 แรงดึงดูดทางโทรศัพท์จากน้องสาวน่ารักชื่อน้องยู “ไปคุยเรื่องแมวๆ กันนะคะพี่” ทำให้ฉันเต็มใจนั่งรถบขส.จากบ้านนอกเข้ากรุง มุ่งไปโรงละครมะขามป้อม สี่แยกสะพานควาย ที่พลพรรครักแมวรวมตัวกันจัดนิทรรศการศิลปะเพื่อชุมชนเป็นงานเล็กๆ ที่แสนอบอุ่น มีคนรักแมว คนเลี้ยงแมว คนไม่เลี้ยง(แต่รัก)แมว…