Skip to main content

ผมเพิ่งลงจากเครื่อง นั่นเป็นเวลาทุ่มหนึ่งตามเวลาของปากีสถาน ผ่านตม.ที่สนามบินผมสะพายเป้ออกมาตรงประตูทางออก   ชายร่างใหญ่ท่าทางกำยำกวักมือเรียกผม ผมเดินเข้าไปหา เขาให้สลาม ผมรับสลาม

ผมเข้าใจว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง   ผมไม่ได้ถามในเรื่องนี้กับเขา ผมแนะนำเพียงว่ามาจากประเทศไทย จะเดินทางต่อไปที่ "มักกัรไรวิน" เป้าหมายผมอยู่ที่นั่น แรกๆเขาทำหน้าแปลกใจ ที่เห็นผมเดินทางมาคนเดียว ปกติจะเป็นสี่ห้าหกคนเป็นอย่างน้อย ผมยอกว่า เผอิญผมต้องการมาที่นี่แค่สี่สิบวัน ไม่ได้ไปที่บังคลาเทศก่อนเหมือนกับคนอื่นๆ  ผมถามชื่อเขา          เขาบอกว่า เขาชื่อ อบูบักร ผมบอกชื่อผมไปบ้าง ว่าชื่อ อิสรออีล ชื่อของผม เป็นชื่อแรกที่ตั้งตอนหลังสึนามิ เขาบอกว่า ชื่อผมเป็นชื่อมาลาอิกัตแห่งความตาย ผมหัวเราะ ก่อนที่เขาจะพาผมไปตามทางออก

ผมเห็นยอดโดมมัสยิด ซึ่งอยู่ตรงรั้วติดสนามบินละฮอร์ อบูบักร   บอกผมว่า มันคือ มัสยิดอิกซี่บาน หมายถึงมัสยิดสำหรับต้อนรับแขก ผมพยักหน้า  เขาพาผมจนมาถึงมัสยิด เขาพาผมไปที่ห้องพักมัสยิด   เอาเป้ของผมไว้ในห้อง ก่อนที่จะพาไปที่ห้องครัว บอกให้ผมนั่ง สักครู่คนหลายคนก็เดินเข้ามาทักทาย ผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมเข้าใจว่าเขาพูดภาษาฮุนดู ผมยิ้ม  ต่างให้สลามแล้วนั่งลงเป็นเพื่อน อบูบักร ขอตัวกลับไปที่สนามบิน   คนที่มัสยิดเข้ามาทำหน้าที่ต้อนรับแทน ชายวัยราวหกสิบ เครายาวเฟื้อยสวมชุดประจำชาติที่พวกเรามักเรียกว่า"ชุดปากี" เอาแกงดาลซึ่งมีแต่ถั่วเหลือง พร้อมโรตีโอ่งแผ่นใหญ่มาให้ผมกิน ชายอีกคนวัยเดียวกันเดินไปที่ชั้นวางหม้อต้มน้ำ เขาเอาถ้วยใบเล็กๆมาวางตรงหน้าผม พร้อมรินชาร้อนๆให้ผม เขายิ้มด้วยเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาพูดอังกฤษไม่คล่อง ต่างจาก อบูบักร ผมกินเสร็จ ขอตัวไปละหมาดก่อนเข้านอน

ชายวัยหกสิบคนที่รินชาให้ผมพาผมไปสำรวจที่ละหมาดภายในมัสยิด พาไปที่อาบน้ำละหมาด ละหมาดเสร็จ เขาพามาที่ห้องพักจัดที่นอนให้ เขาบอกพรุ่งนี้ จะมีรถไปส่งที่ไรวิน ผมขอบคุณก่อนคลี่ถุงนอนที่นำติดตัวมาด้วยเป็นผ้าห่ม อากาศที่นี่กำลังหนาวแต่ก็ไม่ถึงกับหนาวมาก ผมหลับจนเสียงอาซานซุบฮิร์ปลุกผมตื่นในอีกวัน

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาทำงานศาสนามาเรียนรู้งานศาสนาอิสลามในต่างแดน  สองเดือนก่อนหน้าผมอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย ก่อนหน้าก็ไม่คิดจะเดินทางมาที่ปากีสถานด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้ผมกลับไปที่บ้านหลังมีคนถามว่ามีใครจะไปศรีลังกา ผมยกมือ ค่ำก่อนเดินทางสามสี่วันผมกลับไปที่บ้านสวนยัดเสื้อผ้าใส่เป้ เดินทางมาที่มักกัรมีนบุรี ที่มีนบุรีบอกว่า ผมใหม่เกินไปไม่เคยออกทำงานศาสนาที่ไหนมาก่อน เขาบอกให้เลือกว่าจะไปอินเดียหรือปากีสถาน ผมบอกว่า งั้นไปศรีลังกาไม่ได้ ขอไปปากีสถานดีกว่า

 

บล็อกของ ปราชญ์ อันดามัน

ปราชญ์ อันดามัน
ไม่ได้อึดอัดประเทศนี้ แต่อึดอัดพวกผีบ้าอำนาจห่า ฆ่าพลเมืองมากี่ครา ยังเสวยสุขสืบหล้าสบายดี ไม่จำเป็นต้องไปอยุ่ที่ไหนนั่น กูเกิดมาจากครรภ์มาตุภูมิที่ พ่อแม่กูปูย่ากูก็มี ไม่ใช่เป็นเปรตผีขอส่วนบุญ เขาถกเถียงแสดงความคิดบ้าง จะคิดต่างจะคิดเหมือนหรือคิดหนุน
ปราชญ์ อันดามัน
ระหว่างทางที่เสียงอาซานแว่ว -1- เกินก้าวจะผ่านก้าวทางที่ทอดใกล้ก็เหมือนไกลไปตลอดสายถนนคนแปลกหน้า คนบางคนหวาดระแวงตลอดส้นจะก้าวเดิน
ปราชญ์ อันดามัน
ในฝันยังมีฝันอีกหรือไม่?   ในฝันยังมีฝันอยู่หรือไม่?หรือวางวันคืนวัยไปเป็นอื่นไม่มีสิ่งใดในค่ำคืนหลับแล้วความฉ่ำชื่นของเยาว์วัย
ปราชญ์ อันดามัน
อำนาจ(กู) ไปไหน ประเทศนี้มีแต่อีรุงตุงนังเอะอะกาละมังตีปี๊บใส่หรือประเทศนี้ไม่มีประช่าธิปไตยใครจะทำอะไรตามใจตัว
ปราชญ์ อันดามัน
เขียนกันคนละบรรทัด ละบรรทัด ละบรรทัดเขียนประวัติศาสตร์ที่ขาดชัดให้ชัดเห็น
ปราชญ์ อันดามัน
ปราชญ์ อันดามัน
เพราะเรามีศาลรัฐธรรมนวย ประเทศจึงซวยด้วยฉะนี้ ตุลาการก็ตุลากวยกวนวลี พิพากษาละคดีคดวยไทย สภาก็สภาเละสะเปะสะปะ ประชาธิปตวยทุกขณะไม่ไปไหน พรรคบางพรรคระทมระทวยหฤทัย แพ้ไม่เลิกแต่เกริกไกรอันธพาล แย่งเก้าอ้วยฉวยเก้าอี้ปากระดาษ อลเวงอาละวาดประสาทผสาน วิปริตวิปรวยจิตวิญญาณ วิตถารมาตรฐานงานสภา ประชาชีดูดีดีประเทศระทวยนี้ จะระทมอีกกี่ปีอีกกี่ฆ่า หรือต้องอัญเชิญใครมาเป็นศาสดา
ปราชญ์ อันดามัน
เมื่อข้าพเจ้าออกไปจากข้าพเจ้าเอง     ข้าพเจ้าเพิ่งควักดวงตาแห่งการมองเห็นโยนทิ้งไปบนถนนสายหนึ่ง
ปราชญ์ อันดามัน
  จำนวนนวนเท่าไหร่กันสุเหร่าในผืนแผ่นดินนี้ จำนวนเท่าไหร่กันวัดในผืนแผ่นดินเดียวกันนี้
ปราชญ์ อันดามัน
ข้าจะเขียนอะไรอีกในประเทศนี้ กวีคนก่อนๆ เขียนบทกวีมามากพอแล้ว ถ้อยความแห่งยุติธรรมไม่จำเป็นต้องลงอักขระ
ปราชญ์ อันดามัน
ความเง่าโง่ของเราเอง     สมมติว่า ตอนนั้นไม่มีคณะราษฎร์ 2475