ความตายแปลกหน้าผ่านเข้ามาในฤดูลมฝน
ร่างชราผ่ายผอมบนแคร่ไม้ ผ่อนแรงลมหายใจลงช้า ๆ ........
ท่ามกลางแววตาซบซม
และเสียงลมกรีดใบไม้เฉื่อยเรื่อย
น้ำตาข้างหนึ่งไหลลามลงร่องเนื้อผิว
เลียแป้งขาวบนแก้มตอบ
มือข้างหนึ่งบีบกำมืออีกข้างของหลานชายคนเล็ก
เราตื่นอยู่ในห้วงของความชั่วคราว
ขณะเราล้วนต้องการความยั่งยืนและตลอดไป
....นิรันดร....ของชีวิต
ลมฝนมิอาจกระหน่ำข้ามภพ, ห้วงเวลา
ความตายเป็นอนิจจัง
เรารู้ ... แต่ทุกอย่างก็ปราศนาการไป
นั่นเพราะความหลงลืมในอัตตา
ว่าความตายมิอาจจากพราก และชีวิตเป็นของเรา
เราล้วนคิดไปเองว่าเป็นเช่นนั้น
แท้แล้ว ค ว า ม ต า ย ไ ม่ เ ค ย แ ป ล ก ห น้ า
เราต่างสนิทชิดเชื้อ, ไม่เคยแปลกแยกอยู่บนเส้นชีวิต
แม้ลมหายใจโรยรินอยู่เบื้องหน้า
ในห้วงเวลาที่ผีเสื้อหยุดวาดปีกแต้มสี
พรุ่งนี้กำลังจะผ่านเข้ามา...
ขณะที่ห้วงลมหายใจกำลังผ่อนลงช้า ๆ
ภวัง!.... "ย่ากำลังจะตาย" ลอยก้องอยู่ในหัวใจ
พ่อกับแม่กลับบ้านไปหลายวันแล้ว ผมกับบ่าวปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีมากขึ้น ไอ้หมีกับไอ้ตาลก็คุ้นเคยกับเราดี ไม่เห่าคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเก่าแดดเช้าสาดสีขาวจากขอบฟ้า ไก่ขันแจ้วๆ ตอบกันเหนือยุ้งข้าวมาแต่ไกล ย่าปลุกเราตั้งแต่เช้าขณะที่ลมอุ่นแห่งท้องทุ่งกำลังพัดโบยหมอกเช้า เรางัวเงียพลิกตัวไปมาก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน “บ่าวๆ ๆ ๆ น้องๆๆ” จ้อยมาตามเราตั้งแต่เช้า“วันนี้ที่ศาลาจะมีการประชันตอกลูกยาง ไปกันนะ ต้องสนุกแน่ๆ” จ้อยชวน“ไปๆๆ ไอ้เสือสมิงของผมต้องชนะแน่ๆ”…