Skip to main content

 

เล่าเรื่องงาน อำลา ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เปิดงานไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม ยามแดดร่มลมตก หน้าที่ของฉันในงานนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลงานขายหนังสือ ฉันรับปากไปว่า “ได้ค่ะ” ทั้งที่ไม่มีความชำนาญเรื่องการขาย หรือเรียกว่าไม่มีทักษะสักนิดเดียว และมักจะคิดตัวเลขผิด วิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่บวกลบคูณหารไม่เก่งเลย ยิ่งวิชาเลขคณิตคิดในใจนี้ไม่ได้เลย แต่ เพราะว่าในช่วงที่เขาประชุมเรื่องการดำเนินการจัดงานฉันไมได้เข้าร่วมประชุม ไปจัดการเรื่องขอประนอมหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เพราะถ้าเขายึดคอนโดฯห้องเท่าแมวดิ้นตายไปกลัวว่าเมื่อธนาคารเอาไปขายทอดตลาดแล้วยังเป็นหนี้จนถูกฟ้องล้มลายแบบนักแสดงตลกท่านหนึ่ง


\\/--break--\>

เมื่อไม่ได้มาประชุมก็เขียนไปในทวิตเตอร์ว่า ขอเสนอตัวช่วยงานด้วยคน ยกเว้นการจัดสถานที่ให้สวยงามนั่นทำไม่เป็น ยกของยกเก้าอี้โต๊ะก็ไม่เอาเพราะแรงไม่พอ ฉันจึงได้ช่วยงานอยู่สองงานผ่านทางคุณเสย องอาจ ฤทธิ์ปรีชา คือช่วยโทรศัพท์ไปเชิญวิทยากรอยู่สองสามราย และก่อนงานเล็กน้อย คุณอ้อม กรรณิการ์ ก็ส่งงานให้ช่วยดูเรื่องการขายหนังสือในงาน


คำตอบคือไม่ถนัด แต่ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้รับผิดชอบขายหนังสือของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์

 


ด้วยความเป็นมืออาชีพในการกระจายงาน และฉันเป็นคนมีน้องนุ่งเยอะ ฉันรีบโทรศัทพ์ไปหาน้อง ๆ ที่เป็นนักขายมาช่วยงานทันทีเพราะนอกจากไม่มีทักษะในการคิดเงินทอนเงินแล้ว ฉันยังเป็นคนชอบเดินไปเดินมานั่งไม่ค่อยติดที่อันเป็นนิสัยของคนทำงานข่าวมาก่อน เอาล่ะได้คุณอ๊อดมือขายอันดับต้น ๆ ของคนเขียนป้ายตามงานต่าง ๆ เขามีประสบการณ์การขายมาตั้งแต่สมัยชุมชนคนรักป่าทำหนังสือ น้องปุ้ย สาวเซอร์ ๆ น้องเอ๋ สาวเอ็นจีโอ มือวางอันดับสองในสัปดาห์ที่อ๊อดไม่ว่าง น้องอุ๋ยโทร.มาสมัครขอช่วยอีกคนแต่บอกไปว่าให้ไปช่วยคุณดวงทำน้ำยาขนมจีน

ฉันเดินทางมาถึงช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ คุณอ๊อดผู้น่ารักจัดเตรียมหนังสือขึ้นโต๊ะเรียบร้อย ฉันไม่ได้มาคนเดียว เพราะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ก่อนจะออกจากบ้านหลานชายคนโตเดินมาบอกว่า

ป้าครับ ขอไปงานอำลา ’รงค์ วงษ์สวรรค์ด้วยได้ไหม”
โอ
...ฉันยิ้มให้กับต้นมะขาม ได้คนช่วยขายหนังสืออีกคนแล้ว วันแรกจึงได้สองหนุ่มน้องซันกับคุณอ๊อด

หนังสือเล่มใหญ่ ’รงค์ วงษ์สวรรค์
(หนุ่ม) นิรันดร์กาล พิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์ เป็นชุดพิเศษ ห้าเรื่องเอก หรือเรียกว่า ห้าเล่มเอกก็ได้ เอามารวมเป็นเล่มเดียว มีสนิมสร้อย เสเพลบอยชาวไร่ มาเฟียก้นซอย มาดเกี้ยว และปีนตลิ่ง เล่มใหญ่ งดงาม และเบาด้วย ปกแข็ง นี้เป็นการทำด้วยใจ

 


คุณชีวา ชีวา ผู้ทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์แพรวยาวนาน และเป็นเพื่อนกับฉันยาวนานด้วย ครั้งนี้เขาคงมาพร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่

คุณอิ๋วหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องจัดงานบอกฉันว่า หนังสือที่ฉันให้เธอช่วยเป็นธุระจัดพิมพ์เสร็จแล้ว กองอยู่บนโต๊ะรอพี่มาแกะห่อ ฉันดึงหนังสือปกเหลือง สวนของนักเขียน ออกมา พร้อมกับพูดเล่น ๆ ว่า “พวกสำนักพิมพ์บอกว่า อาจจะขายไม่ได้ถ้าเราเชื่อเช่นนั้นเราก็จำยอมเกินไปเราจึงพิมพ์เอง”

ใช่แล้ว นักเขียนต้องช่วยกันผลักดันกันเอง แล้วเราก็ช่วยกันอ่านเอง” ใครสักคนหนึ่งพูดขึ้น

สวนของนักเขียน ’รงค์ วงษ์สวรรค์ หนังสือเล่มนี้ คนสองคนที่มีอาชีพเป็นคนเขียนหนังสือและอยู่บ้านเดียวกัน เขียนถึงคุณรงค์ ซึ่งเป็นงานแรกที่เราสองคนเขียนถึงคนคนหนึ่งด้วยความรู้สึกดี ๆ โดยที่เราไม่ได้ปรึกษาพูดคุยกันต่างคนต่างเขียน และเป็นครั้งแรกที่เราอยากจะเอางานของเรามารวมไว้ด้วยกัน

เป็นการทำด้วยใจมากกว่าเหตุผล

นอกจากนี้ก็ยังมีหนังสืออีกหลายปกที่เป็นหนังสือที่คุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เขียน เป็นหนังสือที่สัมภาษณ์คุณ’รงค์ ของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เช่น ฟรีฟอร์ม ฯลฯ

เดินเข้าไปดูในหอประชุมดอกไม้สีขาวถูกจัดเตรียมไว้คาระคุณรงค์ ฝ่ายจัดสถานที่กำลังตัดแปะตัวอักษรอยู่ ลูกชายและภรรยา นักเขียน นักอ่านเริ่มทยอยกันมา

พิธีเปิดงานเริ่มขึ้นหลานชายมาบอกว่า “ป้า ไม่เอาดอกไม้ขาวไปไหว้คุณรงค์เหรอ เขาไหว้กันหมดแล้วนะ”

คุณประภัสสร เสวิกุล มาปาฐกถาพิเศษ
นำปาฐกถามาวางให้อ่านกันสักสองย่อหน้านะคะ

ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับในการที่ปลาซิวปลาสร้อยจะพรรณนาถึงความอลังการของมหาสมุทร หรือนกปรอทจะบรรยายถึงความโอฬารของเวิ้งฟ้า และเป็นเรื่องยากขึ้นไปกว่านั้นเมื่อผมจะต้องพูดถึง รงค์ วงษ์สวรรค์ ซึ่งในความรู้สึกของผมนั้นยิ่งใหญ่มโหฬารเหนือท้องน้ำและน่านฟ้าแห่งบรรณภพไทย


ผมรู้จัก ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ มาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี เริ่มแรกของการรู้จักมาจากการเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนักเขียนที่ใช้นามปากกาแปลกจากนักเขียนคนอื่น ๆ ในยุคนั้น ถ้าถามต่อไปว่าเหตุใดผมจึงชอบงานของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ คงตอบด้วยสำนวนวัยรุ่นสมัยนี้ว่าเพราะ “โดนใจวัยโจ๋”แต่ ใน พ..นั้น ก็ต้องตอบด้วยสำนวนออเหลนว่า “เข้าไส้”

อะไรคือ ออเหลน หลายคนอาจจะงง ๆ ออเหลน คือคำแสลงที่ใช้เรียกวัยรุ่นยุค พ..2500 เศษ ๆ จากการที่นิยมแต่งกายด้วยกางเกงขาลีบ เสื้อเชิ้ตแนบตัว เมื่อประกอบกับรูปร่างที่ผอมแห้งแรงน้อยซึ่งเป็นพิมพ์นิยมในสมัยนั้น มองดูแล้วก็ชวนให้นึกถึงจิ้งเหลน จนมีคำเรียกว่าหนุ่มทรงจิ้งเหลน แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมถึงกลายเป็นออเหลนไปได้ ผมก็ยังนึกไม่ออก


(
ฉบับเต็ม ๆ ไปอ่านที่เนื้อข่าวประชาไทค่ะ)

 

 

ในงานยังมี กาแฟดอยช้างมาบริการให้ดื่มกันฟรี ๆ พร้อมกับชา และขนมสวย ๆ ของร้าน กรีนโทน ไอศครีมมีส ซิสไอซี่

งานจบลงด้วยการบรรเลงเพลงของวงสุดสะแนน ในช่วงเวลาหกโมง มีเสียงบ่นว่าทำไมผู้คนที่เดินทางมาในงานจึงไม่มาก มีการทำประชาสัมพันธ์น้อยไปหรือเปล่า

ฉันไม่ได้ตอบ แต่คิดในใจว่า งานนักเขียนมีคนร้อยกว่าคนก็ถือว่า ใช้ได้แล้ว เพราะนักเขียนไม่ใช่นักแสดง และนักเขียนบางคนเขาก็ไม่ค่อยอยากจะออกมา วันนี้เป็นวันเปิดงานวันแรก คนที่อยู่กรุงเทพฯเขาก็ยังไม่มา มีงานนิทรรศการทุกวันตั้งแต่วันที่
9 ถึง 31 มกราคม ทุกเสาร์อาทิตย์มีกิจกรรมเสวนา มีดนตรี ใครจะมาวันไหนก็ได้ นักเขียนบางคนอาจจะแอบมาในช่วงกลางวันที่ไม่มีใครก็ได้

ส่วนตัวฉันว่า เรียบง่ายงดงามดีแล้วค่ะ คนที่เดินเข้ามาในงานไม่ว่านักอ่านหรือนักเขียนก็เป็นคล้ายเจ้าภาพกันทุกคน


ปล
.มาบอกกันอีกครั้งหนึ่งค่ะ 9 – 31 มกราคม มีกิจกรรมเสวนา ดนตรี ที่หอศิลป์ม.. ตั้งแต่บ่ายสองโมงเป็นต้นไปค่ะ เสาร์ อาทิตย์นี้มี

16 มกราคม 2533

13.00
. เสวนา "พินิจวรรณกรรม สำนวนเพรียวลม โดย  สุมิตรา จันทร์เงา และ พิบูลย์ศักดิ์ ละครพล
15.30
. เสวนา "กว่าจะเป็นภาพประกอบและปกหนังสือ"ช่วง มูลพินิจ ทองธัช เทพารักษ์
17.00
. คอนเสิร์ต " Rong Wong - Savun...Fly To Heaven" จากวงดนตรี 20 กว่าวง พร้อมกับการประมูลภาพเขียนและภาพถ่าย 'รงค์ วงษ์สวรรค์

17
มกราคม 2553

13.00
. เสวนา “จากฮิปปี้ถึงฮิปฮอป...หนัง และเพลงในช่วงชีวิตของ’รงค์ วงษ์สวรรค์” โดย ทิวา สาระจูฑะ อารี แท่นคำ ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา นรเศรษฐ์ หมัดคง ตุ๊ก บราส เซอรี่
16.00
. เสวนา “อะไรอีกมากมาย...เบื้องหลังการทำหนังสืองานศพ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ” โดย บินหลา สันกาลาคีรีวรพจน์ พันธุ์พงศ์ ภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา ฯลฯ


(18
มกราคม 2553พระราชทานเพลิงศพ ที่สุสานสันกู่เหล็ก)

 

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…