Skip to main content

เมื่อเขียนเรื่อง ป่าสนวัดจันทร์ถูกโฆษณาว่าเป็นที่สุด”  ฉันก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เขียนถึงเรื่องอำเภอใหม่ส่งเข้ามา วันนี้จึงนำจดหมายฉบับนี้มาให้อ่านกันค่ะ 

เธอเขียนมาว่า ลองเขียนเรื่องอำเภอใหม่มาให้อ่าน


อะไรเกิดขึ้นที่อำเภอใหม่


ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยียนอำเภอใหม่
  ไม่ใช่เป็นการเดินทางไปครั้งแรกสำหรับสถานที่แห่งนี้ แต่เป็นครั้งแรกของการเดินทางภายหลังมีการประกาศจัดตั้งเป็นอำเภอ มันค่อนข้างแปลกสำหรับการจัดตั้งอำเภอโดยไม่มีกิ่งอำเภอมาก่อน ตามความเข้าใจของฉันที่ไม่ค่อยรู้ระบบการปกครองในลักษณะของอำเภอ แต่เท่าที่ทราบฉันก็เห็นเป็นกิ่งอำเภอกันก่อนแทบทั้งนั้น

เอาล่ะ ความสำคัญคงไม่ใช่แค่ว่าทำไมเป็นอำเภอโดยไม่ผ่านระบบกิ่งอำเภอ เพราะมันมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกหลายประการ โดยเฉพาะพื้นที่ทั้งหมดของอำเภอใหม่แห่งนี้ที่มีเพียงแค่
3 ตำบลเท่านั้นเอง และคงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากทางการลงความเห็นที่จะตั้งเป็นอำเภอใหม่ ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงมันอยู่ที่ว่าอำเภอแห่งใหม่นี้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนทั้งหมด เมื่อมีการประกาศจัดตั้งเป็นอำเภอก็ย่อมแสดงว่าต้องมีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ด้วย

การตั้งอำเภอใหม่ให้ประโยชน์อะไรกับประชาชน ดูเหมือนภาพความหวังที่ทางการได้ให้ไว้กับประชาชนในพื้นที่ดูช่างสวยหรูเสียนี่กระไร ทั้งความสะดวกสบายในการติดต่อกับทางราชการที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลและยากลำบากในบางฤดูกาล การพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ความเจริญในทุก ๆ ด้าน ทั้งการเดินทางที่จะมีถนนปลอดฝุ่นในหลายเส้นทาง รายได้ของประชาชนก็จะเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวที่มีทุนจากฐานของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ รวมทั้งวัฒนธรรมการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมโดยเฉพาะความเป็นปกาเกอญอ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอนี้

เห็นไหมว่าการเกิดอำเภอใหม่ในพื้นที่แห่งนี้มันดูดีไปเสียแทบทุกอย่าง ดูแค่พื้นที่ใกล้เคียงก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่สามารถจะขยายไปได้อีกแล้ว จึงเป็นโอกาสดีของอำเภอใหม่ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่โหยหาความเป็นธรรมชาติ
  มีการสร้างกระแสของความยิ่งใหญ่ในพื้นที่ป่าสนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเสริมเข้าไปอีก แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประชาชนแห่งอำเภอนี้เล่า

หลายคนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเรานี่ ดีเสียอีกมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เกิดขึ้น ธรรมชาติยังบริสุทธิ์ ต้องรีบไปสัมผัส เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเขา หากเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายคิดแต่เพียงแค่นี้ ไม่นานคงไม่มีผืนป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะผืนป่าสนธรรมชาติไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมกันต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ความน่ากลัวที่สุดของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ที่การมาของนักท่องเที่ยว เพราะเมื่อมีนักท่องเที่ยวก็ย่อมต้องมีผู้ลงทุนเพื่อแสวงหากำไรจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ นายทุนที่มาพร้อมเงินทุนที่จะมาจับจองแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ประเด็นสำคัญที่น่าเป็นห่วงของการเข้ามาจับจองพื้นที่ของเหล่านายทุนต่างถิ่นทั้งหลาย อยู่ที่ความเข้าใจและรู้ทันความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายของคนในพื้นที่ เพราะพื้นที่ทั้งหมดของอำเภอนี้ได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การที่ประชาชนในอำเภอนี้อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็เป็นที่ทราบกันดีจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ก็ได้พยายามป้องปรามไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ทำกินเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการพัฒนาให้เกิดเป็นอำเภอใหม่ ยิ่งต้องมีความพยายามเข้มงวดในการขยายพื้นที่ทำกินของประชาชน ความตื่นตัวของคนในพื้นที่ย่อมต้องเกิดขึ้น แต่การตื่นรู้กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะมีพลังมากน้อยเพียงใดคงต้องขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งในการตั้งรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจและรู้เท่าทันของชุมชน
 

                                                                                                    ชุดขาว ชาวเหนือ

 

ตอบชุดขาว ชาวเหนือ

ขอบคุณชุดขาว ชาวเหนือค่ะ ที่เขียนมาร่วมแสดงความคิดเห็น “เกิดอะไรขึ้นที่อำเภอใหม่” นับว่าเป็นเรื่องน่าห่วงใยจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะประเด็นที่คุณนำเสนอว่า ป่าไม้ผู้เกี่ยวข้องจะต้องเข้มงวดไม่ให้คนบุกรุกที่ทำกิน ฉันเคยได้ยินมาว่า เมื่อที่แห่งใดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กลุ่มทุนหรือชนชั้นกลางก็จะเข้าไปซื้อที่ดินจากชาวบ้าน แม้ว่าจะเป็นที่ๆ ไม่มีสิทธิซื้อขาย เขาก็ขายกัน จากนั้นชาวบ้านก็ถอยร่นเข้าไป และแน่นอนส่วนหนึ่งพยายามบุกรุกพื้นที่ใหม่ ส่วนหนึ่งอาจจะอพยพมาอยู่พื้นราบอย่างยากลำบาก ที่ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชนเผ่าหลายแห่งก็จะถูกแทนที่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเดียวกับปายและอีกหลายแห่ง

วันก่อนดิฉันไปพบว่า ชาวบ้านกำลังรวมตัวกันจัดทำโฉนดชุมชนเพื่อไม่ให้ที่ดินถูกเปลี่ยนมือ

ที่นั้นไม่ได้มีแต่ปกาเกอญอ แต่มีลีซู และม้งด้วยค่ะ


ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เชิญเขียนมาอีกนะคะ

แพร จารุ

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…