Skip to main content

บน ฟ้า มี เมฆ ลอย บน ดอย มี เมฆ บัง
มี สาว งาม ชื่อ ดัง อยู่ หลัง แดน ดง ป่า
 
 
เนื้อเพลงมิดะค่ะ สองบรรทัด....เพราะเหลือเกิน และเข้าไปอยู่ในหัวใจใครต่อใครได้ไม่ยาก บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ฟังเพียงแค่นี้ก็จินตนาการได้กว้างไกล หัวใจก็ลอยไปถึงไหน ๆ แล้ว
 
ฉันรู้จักเพลงนี้ก่อนที่จะรู้จักดอยสูงที่มีชนเผ่าจริง ๆ เสียอีก เช่นเดียวกับรู้จักคำเมือง รู้ว่าล้านนามีภาษาของตัวเอง หลังจากรู้จักอุ๊ยคำ

จนเมื่อได้มีโอกาส มารู้จักศิลปินคนเขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ ก็มีโอกาสได้ฟังมากขึ้น แค่ขึ้นอินโทรเพลงด้วยเสียงเม้าธ์ออแกนและเสียงฮัม ฮือ ฮือ  ฮือ ฮือ ฮือ.........บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ก็ต้องหยุดฟังแม้ว่าจะฟังบ่อยแค่ไหน ไม่ว่ากำลังช่วยแม่ครัวจัดจานใส่อาหาร หรือช่วยพนักงานเสิร์ฟเก็บจาน หรือนั่งคุยอยู่กับใครสักคนก็ตาม
 
ทำไมฉันถึงได้ฟังเพลงนี้บ่อย เพราะว่าเมื่อมาอยู่เมืองเหนือ เชียงใหม่ ฉันใช้ชีวิตร่วมบ้านกับนักดนตรีเล่นกีตาร์และร้องยังชีพ และฉันเดินทางไปกับเขาด้วยเสมอ ร้านที่เขาเล่นก็คือร้านคนรักของศิลปิน นักร้อง ที่เขียนเพลงและร้องเพลงมิดะ “จรัล มโนเพ็ชร” ฉันอยู่ว่าง ๆ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเป็นผู้ช่วยคนครัวบ้าง ผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟบ้าง นอกจากการมาพักผ่อนมาเที่ยวมาฟังเพลง
 
ฉันคุ้นกับเพลงมิดะมาก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีคำถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นเพราะความงามของภาษา ความไพเราะ และความอ่อนโยนที่อยู่ในบทเพลง จนมันเข้าไปอยู่ในหัวใจคนฟัง ไม่ได้คิดถึงว่าจริงหรือไม่จริง จนเมื่อมีข่าวว่าพี่น้องชาวอาข่าออกมาเรียกร้อง และบอกแก่สังคมว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงและทำให้ชนเผ่าอาข่าเสียหายโดยเฉพาะภาพของผู้หญิง ต้องให้หยุดร้องหรือเรียกว่าแบนเพลงนี้ “ไม่มีทั้งมิดะและลานสาวกอด”
 
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในปีที่ 10 การจากไปของจรัล มโนเพ็ชร ในปีนี้ เรื่องนี้ได้รับการพูดถึง ไปจนถึงมีการเปิดเวทีเสวนาทางวิชาการ สืบค้นกันทีเดียวว่ามีมิดะหรือไม่
 
และในโอกาสครบรอบสิบปีจรัล มโนเพ็ชร ในวันที่ 3 กันยายนนี้ มีหนังสือ สิบปีการจากไปของจรัล แน่นอนต้องมีปรากฏการณ์มิดะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เพราะมิดะเป็นปรากฏการณ์หนึ่งหลังการจากไปของจรัลที่เข้มข้นมาก คุณอันยา โพธิวัฒน์ ในฐานะคู่ชีวิตคุณจรัล เป็นผู้เขียนจัดทำร่วมกับเพื่อน ๆ
 
 

 
เมื่อมีปรากฏการณ์มิดะร้อนแรง ชาวอาข่ารู้สึกว่า ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเขาอย่างมากมาย ฉันจึงกลับมานั่งฟังเพลงนี้อีกครั้งอย่างตั้งใจ และบังเอิญเพื่อน ๆ คนเขียนหนังสือ คนทำงานศิลปะที่ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ มาที่บ้านจึงชวนฟังด้วยกัน
 
ไม่มีใครปฏิเสธว่าเพลงนี้เพราะ เข้าใจได้ว่าคนเขียนเพลงจับเอาเรื่องราวหรือเรื่องเล่า มาสร้างกับจินตนาการได้อย่างกลมกลืนงดงาม
 
 
เพื่อนคนเขียนสารคดีคนหนึ่งบอกว่า หลักฐานการมีอยู่จริงคือหนังสือสารคดี เขียนเมื่อปี 2493 ของนักเขียนสารคดีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ถือว่าเป็นขั้นครูของนักเขียนสารคดีรุ่นหลัง ๆ   และสารคดีคือการนำเสนอเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่งเหมือนนิยายหรือเรื่องสั้น ดังนั้น หากจะกล่าวว่า นักเขียนสารคดียกเมฆหรือไม่รู้จริงเอามาเขียนก็รู้สึกว่าไม่อาจกล่าวได้ในฐานะคนทำสารคดีรุ่นหลังเพราะการเขียนสารคดีสักชิ้นหนึ่ง เราต้องไปถึงที่ถึงถิ่น ต้องเห็นกับตา ต้องเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ จริง ๆ เรียกว่าต้องทุ่มเทกับงานอย่างยากและลำบาก  โดยเฉพาะนักเขียนสารคดีมืออาชีพ และอย่างคุณ “บุญช่วย ศรีสวัสดิ์” ที่เขียนหนังสือ “30 ชาติในเชียงราย” และอื่น ๆ อีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ และท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว



 

ใช่ ฉันเห็นจริงด้วย สำหรับคนเขียนสารคดี แต่สำหรับคนเขียนเพลง นักแต่งเพลงนั้น เขาไม่ใช่นักเขียนสารคดี เทียบได้กับคนเขียนเรื่องสั้น คือเอาเรื่องเล่า เอาตำนานมาสร้างจินตนาการแต่งเสริมได้
 
มีนักแปลคนหนึ่งเสนออย่างเป็นกลาง ๆ ว่า ชาวอาข่าลุกขึ้นมาบอกกับผู้คนว่า มันไม่จริง ไม่ใช่เรื่องของอาข่าก็สมควรแล้วและเป็นเรื่องที่ทำได้ หรือจะบอกกล่าว เรื่องราวชนเผ่าของเราเป็นอย่างไร ส่วนเพลงที่เขาร้องอยู่ก็ไม่ต้องไปแบนหรอก เขาก็ร้องของเขาไป เราก็บอกของเราไป และนักร้องอาข่าก็มีเพลงของตัวเองออกมาแล้ว
 
ส่วนเรื่องที่ว่า ผู้คนจากพื้นราบไปทำไม่ดีกับคนอาข่าและกล่าวอ้างว่า ทำตามเพลงนั่นไม่น่าจะใช่เพราะเพลงของเขาไม่มีอะไรจาบจ้วง หรือบอกว่า ใครก็ไปกอดสาวอาข่าได้ดังใจ  ลานสาวกอดในบทเพลง ฟังดูเหมือนเป็นที่พิเศษสำหรับกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของถิ่นเท่านั้น
 
   ..งาม เหลือกำรำพัน
 เป็นหมันและเป็น หม้าย
ความ สวย งาม คือ ภัย
                    
ใครคนหนึ่งร้องท่อนนี้ขึ้นมา และบอกว่า งามเหลือกำรำพัน เป็นหมันและเป็นหม้าย ความสวยงามคือภัย  ฉันคิดว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ความสวยคือภัยโดยเฉพาะหญิงหม้าย นี่เป็นเรื่องสากลมาก
 
หน้าที่ของมิดะในบทเพลงของจรัลก็คือ
บอก สอน หื้อ ละอ่อน นั้น มี ความ ฮู้ กาม วิ-ธี
คือทำหน้าที่สอนเพศศึกษาให้กับเด็กหนุ่มและต้องเป็นหนุ่มที่จะไปออกเรือนมีครอบครัวเพื่อครอบครัวที่เป็นสุข เพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้
 
สำหรับฉันคิดว่า มิดะในบทเพลงมีจริงหรือไม่ และเพลงนี้ควรแบนหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แต่ปรากฏการณ์มิดะในบทเพลงของจรัล มโนเพ็ชร ทำให้ฉันรู้สึกว่า การสร้างงานศิลปะ ในแขนงต่าง ๆ ของศิลปิน มันสร้างแรงกระเทือนได้จริง และอาจจะเป็นผลดีเป็นกำลังใจให้ศิลปินมุ่งมั่นที่จะสร้างงานอย่างจริงจังขึ้น
 
และนี่เป็นปรากฏการณ์ที่บอกว่า ไม่ว่างานเพลงดนตรี งานเขียน สารคดี และอื่น ๆ สามารถสร้างแรงผลักหรือส่งผลต่อสังคมได้จริง ๆ จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้ หากว่างานที่สร้างยิ่งใหญ่พอหรือเรียกว่าจริงพอไม่ใช่งานลวง ๆ  
                       
อย่างกรณีเพลง มิดะ ถือว่าเป็นเพลงที่ส่งผลสะเทือนจริง ๆ.
 
เพิ่มเติม เชิญร่วมงานค่ะ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554
เป็นวันรำลึกครบรอบ 10 ปี การจากไปชั่วนิรันดร์ของจรัล มโนเพ็ชร ผู้ร่วมก่อตั้ง "ร้านสายหมอกกับดอกไม้" มาตั้งแต่ปี 2541 .... ขอเชิญทุกท่านที่ยังรักและคิดถึงศิลปินผู้ล่วงลับ ร่วมรำลึกถึงจรัล มโนเพ็ชร และปีนี้เป็นปีพิเศษ ในวันนี้ยังมีการรำลึกถึง แซม กัลยาณี เพื่อนผู้จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ 3 กันยายน เช่นเดียวกัน  

1 ปี แซม และ 10 ปี จรัล จึงหลอมรวมดวงใจผองเพื่อนไว้ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน " สายหมอกกับดอกไม้ "  
 
ได้โปรดนำดอกไม้สดมาจากบ้านของท่าน ดอกหญ้า ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ หรือดอกมะเขือ ดอกไม้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ตามแต่ใจ... เพื่อมอบให้จรัล มโนเพ็ชร และแซม กัลยาณี ...  
ทั่วบริเวณร้านสายหมอกกับดอกไม้ ทั้งภายในและสวนน้อยๆ ตกแต่งด้วยอารมณ์ความรู้สึก บนความเชื่อว่า ทุกหนแห่งเรายังมีเพื่อนทั้งสอง อยู่กับเราด้วยเสมอ.... Everywhere There's Friends....  
มีดนตรี มีกวี มีภาพเขียน แด่เพื่อนๆ ทุกๆ คน ในคืนนี้.... 
 
16.30 น. ลงทะเบียน
17.00 น. พิธีกรนำเข้าสู่รายการ
ตัวแทนท่านนายกสมาคมกวีผู้ล่วงลับ กล่าวเปิดงาน รำลึกถึงผู้จากไปทั้งสอง
จรัล มโนเพ็ชร และ แซม กัลยาณี   พร้อมทั้ง ประวัติ ชีวิตและผลงานของแซม กัลยาณี  ฉายภาพยนตร์สารคดีที่แซมฝากไว้กับโลกของเรา 
17.30 น. พูดคุยกันสบายๆ เรื่อง กรณีเพลงมิดะ กับ จรัล มโนเพ็ชร
ใครกันเล่าฆ่าความจริง? ร่วมพูดคุยกับ ดร.เพ็ญ ภัคตะ และ ดร.อุดร วงษ์ทับทิม
18.30 น. เปิดตัวหนังสือเรื่อง " ภารกิจปิดฝังมิดะ" ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อรำลึก 10 ปี  การจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร
 
ผู้ลงทะเบียนในงาน - รับหนังสือ "ภารกิจปิดฝังมิดะ" ฟรี 20 ท่าน จากการจับฉลาก
19.00 น. เป็นต้นไป อุ่นกลิ่นไอ ผองเพื่อนนานาชาติพันธุ์ รวมใจรำลึกนึกถึงผู้จากไปทั้งสองเพื่อให้หายคิดถึงเพื่อนกันบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี 
ดวงดาวเผยโฉมหน้า นักดนตรีฝีมือเทพ เริ่มบรรเลงบทเพลง "รักและคิดถึง" เพื่อนทั้งสองผู้ล่วงลับลาจากไกลชั่วนิรันดร์.... 
17.00 น. - 20.30 น. มีอาหารพื้นเมือง ยกครัวโบราณมาจากบ้านป้าตา ฟรีเจ้า...   
ประตูงานปิดเวลา  22.00 น. เจ้า ( “ห้ามเข้า” แล้ว แต่ “ ออก ” ได้ )   
 
มีหนังสือพิเศษเกี่ยวเนื่องกรณีดัง " ภารกิจปิดฝังมิดะ "
หนังสือเล่มละ 175 บาท ค่าจัดส่งเล่มละ 5 บาท
 
อนุโมทนาร่วมกันร่วมสร้างฝัน....แด่...จรัล มโนเพ็ชร     
 

 

 
 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…