Skip to main content

1 

ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ

ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลง

ฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า

 

อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะครอบครัวเราผ่านความยากจนมาจนเคยชินแล้ว จนเรามีความยากจนเป็นสมบัติของเราแล้ว

หรือเป็นเพราะสภาพทั่วไปของสังคม เราอยู่ในสังคมที่น่ากลัว โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดตั้งแต่ช่วงมีขบวนการขับไล่ผู้นำรัฐบาลชุดเก่า ไปจนถึงทหารยึดอำนาจสู่รัฐบาลทหาร และมาถึงวันเลือกตั้งใหม่ สองพรรคการเมืองใหญ่ที่แบ่งแยกประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเพิ่มบรรยากาศการขัดแย้งชัดเจน

ความขัดแย้งตั้งแต่ระดับ บุคคลไปจนถึงชุมชน จังหวัด และระดับภาค เช่น กลุ่มภาคเหนือ กลุ่มภาคใต้ กลุ่มภาคอีสาน

แรกฉันคิดว่าปีนี้ คงจะอยู่เงียบ ๆ อยู่กับบ้าน นั่งอ่านเขียนหนังสือแต่หาได้ทำเช่นนั้นเลย นอกจากมีงานเลี้ยงตั้งแต่ปลายเดือนแล้ว ยังมีญาติ มีเพื่อน ๆ หลาน ๆ เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองเหนืออีกหลายกลุ่ม ซึ่งต้องออกไปกินข้าวในเมืองบ้าง รอรับที่บ้านบ้าง

รอรับหลานที่บ้านสองชุดสองวัน หลานชุดแรกกลับไปแล้วก่อนหน้านี้สองวัน เธอมากันสามคน ท่องเที่ยวแถว "ปาย" และแวะมาค้างหนึ่งคืน บ่นกันว่า ผู้คนที่ปายมากเหลือเกิน ค่าที่พักหกร้อยบาท แย่งกันกิน แย่งกันอยู่ และสรุปว่าเหมือนถนนข้าวสารที่กรุงเทพฯ

หลานชุดที่หนึ่งเป็นหลานอา หลานชุดที่สองมาใหม่เป็นหลานน้า ทีมนี้ไปเชียงรายก่อน แล้วค่อยมาเชียงใหม่ มาถึงมุ่งตรงไปที่ดอยอินทนนท์ ฉันไม่ลืมที่จะบอกหลานว่า ให้ไปดูที่สร้างหอดูดาวบนยอดดอยด้วย

เธอกลับมาในช่วงสาย รีบลงมาเพราะกลัวรถติดตอนเย็น พร้อมกับบอกเล่าแบบเดียวกันคือคนเยอะเหลือเกิน รถติดบนดอยด้วย และไม่มีที่พักต้องกางเต๊นท์ติด ๆ กัน ค่ากางเต๊นท์สามร้อยบาทและไม่ได้ดูอะไรเลย ไม่ได้ดูสถานที่สร้างหอดูดาว แต่เธอคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะสร้างอะไรแล้วดูมันแน่นไปหมด

เธอว่าทั้งที่ฉันยังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเลย

เธอว่าอย่างนั้นจริง ๆ เธอไม่รู้เรื่องที่ว่าต้องเอาน้ำจากชั้นใต้ดินที่มีอยู่ไม่มากมาใช้ เธอไม่รู้หรอก ว่าที่สูงเช่นนั้นเอาน้ำมาจากลำธารไม่ได้ และเธอก็ไม่รู้เรื่องนกหรือพืชเฉพาะถิ่น แต่เธอชอบดอยอินทนนท์ เพราะเป็นดอยสูงที่รถขึ้นได้ เธอชอบสองข้างทางที่รถผ่าน เธอว่าการเดินทางมาที่ดอยนี้เหมือนมาเติมพลัง

พวกเธอพากันหัวเราะเมื่อฉันบอกว่า บนดอยสูงที่ไปอยู่กันแน่นจนไม่มีที่นอน มาจากเมืองหลวงและจังหวัดอื่น ๆ ผู้คนพร้อมที่ใช้ที่จะเสพความสุขใจสุขกายจากธรรมชาติ แต่ไม่เหลียวแล และคิดว่าธุระไม่ใช่ หรือไม่ใช่เรื่องของคนที่อื่น เป็นเรื่องของคนเชียงใหม่ อย่างนี้เห็นทีจะไมได้แล้ว

ธรรมดาเมื่อใคร ๆ มาถึงบ้านเรา (บ้านทุ่งเสี้ยว) เรามีที่นำเที่ยวก็มีอยู่อยู่สองแห่ง ยามเย็นไปเดินในโรงเรียนบ้านทุ่งเสี้ยว เดินออกกำลังกาย หรือเดินดูดอกไม้ ต้นไม้ และดูอาคารศิลาแลง พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า อาคารเรียนหลังนี้อายุเก่าแก่เกือบจะร้อยปีแล้ว หลังจากนั้นก็จะเดินต่อไปตลาดตอนเย็นข้างถนนไปกินโรตีเจ้าอร่อยของพ่อหลานซึ่งเป็นคนอินเดียที่ทำโรตีอร่อยและที่สำคัญคือสะอาดมาก ๆ และใช้ของดีในการปรุง ไม่ว่าจะเป็นแป้ง น้ำมัน และอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบในการทำโรตี เรียกว่าภูมิใจนำเสนอ

จบรายการยามเย็น ยามเช้ามืด ๆ ก่อนสว่าง พวกเธอและเขาก็จะได้เดินไปเที่ยวตลาดเช้า ที่มีของขายสารพัด แวะดื่มกาแฟแบบดั้งเดิม ยิ่งกว่าโบราณอีก แก้วละสิบบาทกาแฟใส่นมข้นหวาน กินกับข้าวเหนียวสังขยาห่อละห้าบาท หรือจะกินกับขนมครกแบบดั้งเดิม ที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือต้นหอมในน้ำกะทิ คือมีแต่แป้งกับกะทิ และมีน้ำตาลทรายไว้ต่างหาก ห้าบาทเหมือนกัน หรือจะกินข้าวหลามที่ย่างเผาอยู่ตรงนั้นก็ได้

หลังจากนั้นซื้อผักพื้นบ้านไปทำกับข้าว เช่นแกงแค ผัดถั่วงอก มีถั่วงอกอยู่เจ้าหนึ่ง คนชายเป็นผู้ชายเขาเพาะถั่วงอกโดยไม่ใช้สารฟอกขาว ไม่ขาวอวบไม่อ้วน จึงต้องนำเสนอ และ ซื้อดอกไม้ ที่ชาวเขาเอามาขายกำละสิบบาท หลังจากนั้นกลับมาทำกับข้าวกินที่บ้าน กินข้าวนอนเปล อ่านหนังสือ จบ...เรามีที่เที่ยวแค่นี้แหละ...

เพื่อนของหลานบอกว่า มาครั้งนี้ไปมาหลายแห่ง แต่ที่นี่ดีที่สุด ไม่มีคนมาก รู้อย่างนี้มาที่นี่ตั้งแต่วันแรก

หลังจากส่งแขกกลุ่มสุดท้ายกลับไปแล้ว คืนที่ผ่านมาฉันรู้สึกหดหู่เป็นที่สุด และบอกกับตัวเองว่า โชคดีจังที่พวกเขากลับไปหมดแล้ว เพราะแถบบ้านเริ่มมีหมอกควันแล้ว

ยามหัวค่ำเต็มไปด้วยควันไฟฟุ้งกระจายจนแสบตา เริ่มมีการเผา เผา และเผาแล้ว ส่วนหนึ่งเขาเผาเพื่อว่าจะกำจัดไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ในฤดูแล้ง เรียกว่าชิงเผาเสียก่อน และส่วนหนึ่งเพื่อเปลี่ยนสภาพนาข้าวเพื่อปลูกพืชอย่างอื่น และส่วนหนึ่งคือเผาปกติเหมือนเช่นที่เคยเผา เช่นเผาขยะตามบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ โรงเรียน หรือวัด ก็กำจัดขยะด้วยการเผา

แน่นอนว่า กลุ่มควันที่เผาไปรวมกับกลุ่มควันต่าง ๆ เช่นท่อไอเสียรถยนต์ที่เข้ามามากมาย กับกลุ่มควันจากโรงงานขนาดเล็กขนาดกลางที่ระจายอยู่ทั่วไป ฟันธงได้เลยว่า ร้อนปีนี้ที่เมืองเหนือ เมืองแอ่งกระทะรับศึกหนัก เป็นเมืองในหมอกควันแน่นอนหากเป็นไปเช่นนี้ และไม่มีมาตรการอะไรออกมาตอนนี้

ต่อไปเด็ก ๆ จะเป็นภูมิแพ้มากขึ้น หรือรับโรคภูมิแพ้เป็นรางวัล เพื่อนที่เป็นพยาบาลบอกว่า ต่อไปมีแนวโน้มว่าจะเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เป็นทารกเลยแหละ ใครไม่มีลูกก็ถือว่าโชคดีไป ดังนั้นคนมีลูกต้องเตรียมพร้อมกันหน่อย ...ขอบอก

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…