Skip to main content
1. คำนำ

ชื่อบทความนี้อาจจะทำให้บางท่านรู้สึกว่าเป็นการทอนพลังของการปฏิรูป ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แต่ผมขอเรียนว่า ไม่ใช่การทอนพลังครับ แต่เป็นการทำให้การปฏิรูปมีประเด็นที่เป็นรูปธรรม สัมผัสได้ชัดเจน สามารถปฏิบัติได้ง่าย รวดเร็ว  เมื่อเทียบกับการปฏิรูปมหาวิทยาลัย ปฏิรูปการศึกษาที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

ผมได้ตรวจสอบประเด็นของการปฏิรูปของคณะกรรมการชุดที่คุณหมอประเวศ วะสี เป็นประธานแล้วพบว่า ไม่มีประเด็นเรื่องนโยบายพลังงานเลย

บทความนี้จะนำเสนอให้เห็นว่า (1) ทำไมจะต้องปฏิรูปนโยบายพลังงานในทันที  (2) จะปฏิรูปไปสู่อะไร และ (3) ทำอย่างไร เริ่มต้นที่ไหนก่อน  
 
2. ทำไมจะต้องปฏิรูปนโยบายพลังงานในทันที

เรื่องนโยบายพลังงานไม่ใช่เป็นเดียวโดด ๆ ทีจำเป็นสำหรับกิจกรรมมนุษย์ยุคปัจจุบัน  แต่มันเกี่ยวข้องกับปัญหาความยากจน คนว่างงาน การทำลายแหล่งทำมาหากินของชาวชนบท รวมทั้งปัญหาโลกร้อนที่กำลังเป็นปัญหาแก้ไม่ตกของคนทั้งโลก

เพื่อความกระจ่างขึ้น ผมขอขยายความเป็นข้อ ๆ ดังนี้  
(1) ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของคนไทยเรามีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับรายได้ประชาติ ในปี 2536 คนไทยใช้พลังงานคิดเป็นมูลค่าเพียง 11% ของรายได้ประชาติ แต่เพียง 15 ปีผ่านไป รายจ่ายด้านพลังงานกลับเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 19% ในปี 2551  

ข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงขนาดของปัญหาเท่านั้น แต่ได้ชี้ให้เห็นว่า ความรุนแรงของปัญหาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย   

(2) แหล่งพลังงานฟอสซิลที่รวมศูนย์ (ซึ่งได้แก่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน) ทำให้คนตกงานจำนวนมาก เฉพาะกิจการน้ำมันและกิจการไฟฟ้า (ที่มีขนาดถึง 11.1% และ 4.3% ของรายได้ประชาติ) พบว่ามีการจ้างแรงงานรวมกันไม่ถึง 1% ของแรงงานทั้งประเทศ ตัวเลขนี้ได้คิดรวมเด็กที่ทำงานตามปั๊มน้ำมันทั่วประเทศประมาณ 2 แสนคนเข้าไปแล้ว

(3) พลังงานไม่เพียงแต่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐบุกอิรัก เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับชุมชนของแต่ละประเทศอีกด้วย ระหว่างชุมชนด้วยกันเอง  เช่น เขื่อนปากมูลเพื่อการผลิตไฟฟ้าได้ทำให้ประชาชนต้องอพยพกว่า 1
,700 ครอบครัว  ผลผลิตการประมงลดลง 80% นอกจากนี้ชาวแม่เมาะ  มาบตาพุด ชาวระยอง และ ชาวจะนะ จังหวัดสงขลา ก็กำลังได้รับผลกระทบทางระบบหายใจ มะเร็ง ดังที่เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ  คงไม่ต่างกันมากนักกับสงครามที่ใช้อาวุธที่มองเห็น

ปัจจุบันนี้ ทางรัฐบาลกำลังมีแผนการจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นมาใหม่ถึง 6 โรง  ทั้ง ๆ องค์กร กรีนพีช พบว่า ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่สกปรกที่สุดในโลก ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็ชี้ชัดลงไปแล้วว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในบรรดากิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์

(4) พลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานที่พ่อค้าจำนวนน้อยรายสามารถผูกขาดได้  นอกจากจะทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างไร้เหตุผลแล้ว ยังก่อให้เกิดมลพิษต่อชุมชนท้องถิ่นจำนวนมาก  เป็นการขยายช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมากขึ้น

จากรายงานการศึกษาของ
UNDP หน่วยงานเพื่อการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ พบว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยที่สุด 20 % แรกกับคนจนที่สุด 20% ล่างสุดของประเทศไทยห่างกันถึง 13-15 เท่า  ในขณะที่ของประเทศเพื่อนบ้านอยู่ระหว่าง 9-11 เท่า (ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียร์ เพียง 3-4 เท่า)

จากบทความเรื่อง
The Battle for Thailand ของ Warren Bello พบว่า เพียงช่วง 30 ปีของการพัฒนา (ในทศวรรษที่ 1960 ถึง 1990) ได้ทำให้รายได้ของคนในภาคการเกษตรลดลงจาก 1 ใน 6 เหลือเพียง 1 ใน 12 ของภาคส่วนอื่น

เว็บไซต์
nationmaster.com ที่อ้างถึงงานศึกษาจาก 141 ประเทศทั่วโลกพบว่า แหล่งน้ำจืดในประเทศไทยมีค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำเฉลี่ยต่ำที่สุดในโลก คืออยู่ในระดับที่ทำให้ปลารู้สึกเครียด   นั่นแปลว่า ทั้งแหล่งอาหารโปรตีนและแหล่งรายได้ของชาวชนบทต้องอัตคัดขัดสนตามไปด้วย

แม้ว่าสาเหตุของปัญหาค่าออกซิเจนละลายในน้ำต่ำจะมาจากภาคอุตสาหกรรมและภาคคนในเมืองด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคพลังงานก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก

(5) การรวมศูนย์กิจการพลังงานที่มีลักษณะผูกขาด ย่อมเพิ่มความเสี่ยงต่อโอกาสในการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดโครงการใหม่ การหวังค่านายหน้าที่ดิน การวางแผนที่ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ  รวมถึงการกำหนดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่ประชาชนไม่มีอำนาจใดๆ ไปต่อรอง ย่อมส่งผลต่อความไม่เป็นธรรมในสังคมที่สามารถสัมผัสได้

(6) การจ้างคนให้มาทำงานเพื่อการประหยัดพลังงานก็เป็นอีกประเด็นที่คุ้มค่าการจัดหาพลังงาน 

นี่คือเหตุผล 6 ประการที่เชื่อมโยงถึงกันหมดดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ที่อยากจะเรียนย้ำอีกครั้งก็คือว่า มันมีขนาดใหญ่มากและเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้จริง
 
3. จะปฏิรูปไปสู่อะไร

ถ้าเราใคร่ครวญทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมาแล้ว เราก็สามารถทราบได้ทันทีว่า  เราต้องหาแหล่งพลังงานอื่นที่มีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ (1) ไม่สามารถผูกขาด (2) ไม่ก่อมลพิษทั้งระดับท้องถิ่นและระดับโลก (3) มีการว่าจ้างแรงงานให้คนได้ทำกันเยอะๆ  และ (4) ไม่ยั่วน้ำลายของผู้ที่จ้องจะหากินกับโครงการขนาดใหญ่

แหล่งพลังงานที่ว่านี้คือ พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล รวมทั้งการลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงานด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยราชการ

หลายท่านอาจจะแย้งผมว่า
“พูดแต่ทฤษฎี”   ผมขอยกเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นจริงดังนี้ครับ

ในช่วงปี 2545 ถึง 2552 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเขามีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้ไม้ฟืน น้ำเสียขนาดเล็ก 1 เมกกะวัตต์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และมีเป้าหมายให้ถึง 1 หมื่นเมกกะวัตต์ (มากกว่า 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตที่ประเทศไทยใช้) ภายในปี 2556

คำถามก็คือ ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่จะมีเชื้อเพลิงชีวมวลน้อยกว่าประเทศในยุโรปหรือ?

คำตอบคือไม่ ประเทศเรามีนาร้างจำนวนมหาศาล เฉพาะภาคใต้อย่างเดียวก็มีถึง 5 แสนไร่  นอกจากนี้ยังมีต้อตอของยางพาราที่ต้องโค่นทิ้ง ๆ ทุก ๆ  20 ปีอีก 13 ล้านไร่

ผมประเมินอย่างคร่าว ๆ ว่า ทั้งอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 700 เมกกะวัตต์นั้น มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพียง 6-7 เมกกะวัตต์เท่านั้น ถ้าใช้เชื้อเพลิงที่ชาวบ้านผลิตเองได้ในท้องถิ่น รายได้ก็จะตกเป็นของชาวบ้านประมาณหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี

ดีกว่าเอาถ่านหินนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะนอกจะเงินจะไหลไปต่างประเทศแล้ว ยังทำให้คนไม่มีงานทำ และทิ้งมลพิษไว้บ้านเราอีก

สำหรับกังหันลมทั่วโลกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงปีละ 31% แต่ประเทศไทยเรายังไม่มีเนื้อมีหนังเลย ส่วนพลังงานโซลาร์เซลทั้งเทคโนโลยีก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในขณะเดียวกันต้นทุนถูกลงมากและกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน  ข่าวจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์บอกว่ากำลังจะมาลงที่ประจวบคีรีขันธ์ แทนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ชาวบ้านคัดค้าน

ก็ถือว่าเป็นข่าวดีนะครับ
 
4. จะทำอย่างไร เริ่มต้นที่ไหน  

ง่ายที่สุดและขอให้เป็นจุดเริ่มต้นด้วยคือ ขอโอกาสให้กลุ่มคนที่ทำงานในเรื่องพลังงานที่ผมเสนอ(ซึ่งก็มีหลายกลุ่ม)ได้มีโอกาสใช้สื่อของรัฐเท่าเทียมกับกลุ่มพ่อค้าพลังงานที่โฆษณาอยู่ทุกวันว่า
“ถ่านหิน...พลังงานสะอาด” หลังจากนั้นสังคมจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะเดินไปทางไหน อย่างไร
 
5. สรุป

ผมเห็นด้วยครับว่า การปฏิรูปประเทศไทยต้องทำพร้อมกันหลายด้าน และต้องไม่ทอนพลังกันเอง  แต่ถ้าละเลยเรื่องนโยบายพลังงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โต เร่งด่วน และเป็นรูปธรรมสัมผัสได้ชัดเจน แล้วผมไม่คิดว่าการปฏิรูปจะไปถูกทาง แถมอาจจะเป็นการเสียเวลาเปล่าอย่างที่บางฝ่ายกล่าวถึง   

ขออภัยที่ต้องขอสรุปอย่างตรง ๆ เช่นนี้ครับ

 

บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
เคยมีคนไปถาม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ว่า “ท่านคิดว่าสิ่งประดิษฐ์ใดของมนุษย์ที่มีอำนาจในการทำลายล้างมากที่สุด” ผู้ถามคงจะคาดหวังว่าไอน์สไตน์น่าจะตอบว่า “ระเบิดนิวเคลียร์” เพราะเขามีส่วนเกี่ยวข้องในการประดิษฐ์คิดค้นอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย แต่ไอน์สไตน์กลับตอบว่า “สูตรดอกเบี้ยทบต้น”
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ เมื่อกลางเดือนธันวาคม ปี 2552 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุม “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” ในงานนี้ได้มีโอกาสฟังปาฐกถาจากประธานศูนย์ศึกษาประเทศภูฎาน คือท่าน Dasho Karma Ura
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ “รักเจ้าจึงปลูก” เป็นชื่อโครงการที่ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กำลังครุ่นคิดเพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพนักศึกษา ผมเองได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มา 2 ตอนแล้ว
ประสาท มีแต้ม
  1. คำนำ       ภาพที่เห็นคือบริเวณชายหาดชลาทัศน์ อ.เมือง จังหวัดสงขลา (ถ่ายเมื่อพฤศจิกายน 2552) หาดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากของชาวเมืองสงขลา อยู่ทางตอนใต้ของหาดสมิหลาที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักดีประมาณหนึ่งกิโลเมตร สิ่งที่เห็นในภาพที่มีถุงทรายสีขาว ยางรถยนต์เก่ายึดด้วยไม้หลักปักทราย รวมทั้งรูปต้นสนล้ม คงสะท้อนทั้งความรุนแรงของปัญหาและความพยายามแก้ปัญหาของผู้ที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
ประสาท มีแต้ม
1. ความเดิม ในตอนที่ 1 ผมได้นำข้อมูลที่มาจากงานวิจัยของกระทรวงศึกษาธิการที่พบว่า นักเรียนทุกระดับชั้นของประเทศไทย ทั้งระดับ ป.6 , ม.3 และมัธยมปลายมีคะแนนเฉลี่ยไม่ถึงครึ่งทุกวิชา โดยวิชาที่สอบได้คะแนนน้อยที่สุดคือวิชาคณิตศาสตร์ ได้เพียงร้อยละ 29.6 เท่านั้น ในตอนที่ 2 นี้ ผมจะกล่าวถึงปัญหาที่ได้ตั้งไว้ในชื่อบทความ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาเราตกต่ำ นอกจากนี้ ผมได้นำเสนอความคิดเห็นและความพยายามของผู้บริหารระดับสูงสุดของมหาวิทยาลัยด้วย
ประสาท มีแต้ม
๑. คำนำ ผมขอเรียนกับท่านผู้อ่าน “ประชาไท” ตามตรงว่า ผมใช้เวลานานมากในการคิดว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี เขียนทิ้งเขียนขว้างไปหลายชิ้น ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งเพราะว่าผมสับสนในตัวเอง ไม่ทราบว่าจะนำเสนออะไรดีให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมือง
ประสาท มีแต้ม
๑. ปัญหาในภาพเล็ก ที่ภาควิชาที่ผมทำงานอยู่คือ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กำลังคิดทำโครงการที่จะพัฒนานักศึกษานอกเหนือจากรายวิชาและกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่ทำกันอยู่ตามปกติแล้ว โครงการยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีนัก แต่ชื่อโครงการก็ค่อนข้างจะเห็นตรงกันคือ “โครงการรักเจ้าจึงปลูก” ที่มาจากเนื้อเพลง “อิ่มอุ่น” ของ ศุ บุญเลี้ยง
ประสาท มีแต้ม
ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีวิชาบังคับให้นักศึกษาต้องเรียนอยู่วิชาหนึ่งจำนวน 3 หน่วยกิต ชื่อว่า “วิชาวิทยาเขตสีเขียว (greening the campus)” วัตถุประสงค์หลักของวิชานี้ก็คือ ให้นักศึกษาลุกขึ้นมาศึกษาปัญหาส่วนรวมหรือปัญหาสาธารณะที่อยู่ในวิทยาเขตของตนเอง แต่โดยมากมักจะเน้นไปที่ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาการจราจร ปัญหาขวดน้ำพลาสติกที่มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ปัญหาการประหยัดพลังงาน และกระดาษ เป็นต้น
ประสาท มีแต้ม
ทั้ง ๆ ที่ประเทศเรากำลังประสบกับวิกฤติหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤติเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นต้น แต่สื่อกระแสหลักก็ให้ความสำคัญกับข่าวความขัดแย้งในการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมทั้งความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลโดยไม่มีอะไรใหม่สร้างสรรค์ให้กับสังคม
ประสาท มีแต้ม
ในขณะที่กระแสสังคมส่งสัญญาณไม่พอใจกับราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ คณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติให้ลดการนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนของ ดีเซล ลิตรละ 2 บาท
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำขณะนี้หลายท่านคงจะรู้สึกกังวลร่วมกันว่า ราคาน้ำมันกำลังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจนอาจถึงหรือสูงกว่าเมื่อกลางปี 2551 (ดูกราฟประกอบ-ต่ำสุดเดือนธันวาคม 2551 ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จนมาถึงเกือบ 80 ในเดือนสิงหาคมปีนี้)   ซึ่งจะนำความเดือดร้อนมาสู่เรามากน้อยแค่ไหนก็คงพอจะนึกกันออก
ประสาท มีแต้ม
ผมได้รับเชิญจากคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อ"ชี้แจงแสดงความคิดเห็น" เรื่อง ค่าการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อ 1 กรกฎาคม 52 คนนอกที่นอกจากผมแล้วก็มีอีก 6 -7 ท่าน ได้แก่ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนบริษัทบางจาก, บริษัท ปตท. นายกสมาคมผู้ค้าน้ำมันแห่งประเทศไทย, คุณรสนา โตสิตระกูล และนักวิชาการปิโตรเลียม เป็นต้น