Skip to main content

 

@ มิ ต้ อ ง อา รั ม ภ บ ท อ้อมค้อม กับคำถามนี้...

เป็น เพราะ * " ม นุ ษ ย์...ค น " เอาความเป็น "ประเทศ" มากำหนด

- - - ไม่ได้เอา ความเป็น " คน"...เป็น "มนุษย์" มากำหนดด้วย

จึงทำให้เกิด "ปัญหา" ทั้ง ด้าน รูปธรรม และ นามธรรมต่างๆ ฯลฯ

หรือ เกิด เรื่องราวอัน ชวนไม่สุนทรีย์ ยิ่ง ในโลกของ เพื่อนสัตว์มนุษย์นี้

. . . นั่น ก็ คือ การไม่มอง ว่า มนุษย์เราล้วนต่างเป็นเพื่อน

ร่วมโลก ร่วมแผ่นดินเดียวกัน !

แล สาเหตุนั้นก็คือ การไม่เคารพศักดิ์ศรี แห่งความเป็นคนซึ่ง

ซึ่ง กัน และ กัน

แถม ยังมีเรื่องของ..." ประเทศ, พรามแดน, เชื้อชาติ

ภาษา , สีผิว เผ่าพันธุ์ ฯลฯ มาเป็นเส้นแบ่ง แห่งความเป็น คน ด้วย

ดั ง นั้ น เรื่อง ...

- - - ความเมตตา กรุณา ปราณี คุณธรรม ศีลธรรม

- - - สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ

- - - ความเท่าเทียม (ด้าน ความเป็น" มนุษย์ "...

มิได้หมายถึง ฐานะ ความเป็นอยู่ วิชาชีพ ฯลฯ )

หรือ คำว่า ...

- - - ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย

- - - ฯลฯ ... ฯลฯ... ฯลฯ

จึง มิอาจ เ ป็ น จ ริ ง ได้ !

ก า ร ที่เกิด ความ วุ่นวะวุ่นวาย ต่างๆ ในโลก

หรือ ตีวงแคบเข้ามา ในปัญหาสังคมของประเทศไทยสมมุติ

ของเรา อยู่ในขณะ นี้ นั้น

ก็ เป็นเพราะสาเหตุหลัก ดังกล่าวข้างต้น นี่เอง

คือ การ มองไม่เห็น " ค น " ... เป็น " ค น "

มองเห็นเพื่อนร่วมโลกของเรา เป็น "ค น อื่ น ...ผู้อื่น"

มิใช่ "พวกของเรา " ... เป็น ซะงั้นไป

อันก่อให้เกิด การกดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ กัน และ กัน

... ความ " ไม่ยุติธรรม " ในสังคมจึงเกิดขึ้น

แล เพื่อนมนุษย์ ซึ่งมี ชีวิต เลือดเนื้อ จิตวิญญาณ ไม่ได้รับ

ความเป็นธรรม

- - - จึง ต้อง ลุ ก ขึ้ น ม า ต่ อ สู้

เพื่อความอยู่รอด ของ ม นุ ษ ย์ เอง

เพราะ มนุษย์ื ด้วยกันเอง ทำให้เกิดมีปัญหาบนดาวโลกดวงนี้ ! @

ห ม า ย เ ห ตุ ( ๑ ) :::
- - - คำว่า " ม นุ ษ ย์ " ในที่นี้ ถ้าพูดถึง สังคมไทยสมมุติ ก็ล้วน

หมายถึง " คน ... หรือ ม นุ ษ ย์ " หลากสีสันพรรณรายสมมุติ

ทุกชนชั้น ทุกชั้นชน ทุกสถานะภาพ ทุกสาขาอาชีพ ... ที่ ตัวเอง

ยึดมั่น ถือมั่น ในสถานะภาพ สีสันของตัวเอง ของแต่ละคน แต่ละ

หมู่ ละพวก ซึ่งก็คิดว่า เขาเองก็ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับสังคม

ด้วย เช่นกัน !

- - - เมื่อ พูดถึงเรื่อง " ความเป็นธรรม" ทำให้ ฉัน หวนนึก

ถึง คำพูดของ " พี่ มด ... วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ " หนึ่งในอดีต

ที่ปรึกษา "สมัชชาคนจน" ที่ได้เคยกล่าว ปาฐกถา ประจำปีของ

" มูลนิธิ โกมลคีมทอง " (ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีพ) ในใจความตอนหนึ่ง

อันเป็นที่จดจำของผู้คนที่รักความเป็นธรรม...

" จะไม่มี ค ว า ม ย า ก จ น ถ้า สั ง ค ม เ ป็ น ธ ร ร ม ! "

พี่มดพูด เช่นนี้... ถูกต้องทีเดียวที่มิมีใครเถียงได้ อย่าง ข้างๆ คูๆ

. . . ดัง ตั ว อย่ า ง รู ป ธ ร ร ม ที่พี่น้องชาว ปากมูล ราษีไศล

, ห้วยละห้า และ ฯลฯ ที่ ถู ก ทำ ให้ ย า ก จ น จาก โครงการ

ใหญ่ของรัฐบาลทุกยุค เช่นการ สร้างเขื่อน ฯลฯ ที่" ทุบหม้อข้าว

ของพี่น้องเรา

ไม่ว่าจะเกิด จากการกระทำบาปของ พวกชนชั้นนำ...

และ รัฐบาลชนชั้นปกครอง มาทุกยุคสมัย...

เป็น ดั่งนั้น... พี่น้องชาวบ้านและพี่น้องผู้รักความเป็นธรรม

จึง ต้อง ช่วยกัน ลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อ ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม ! @
_____________________________________________________

ต้นฤดูหนาว, ศุกร์ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

" บ้านไม้ชายทุ่ง " ดินแดน ข บ ถ พ ญ า ผา บ , ตำบลหนองจ๊อม

อำเภอ สันทราย, ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่

 

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
ดูกร... ภราดา ...  ภราดร ...  โปรดอย่าได้  ฉงนฉงายค ว า ม ห ม า ย ชี วี  เพลานี้ณ  ที่ซึ่ง  มนุษยชาติ  โ อ บ ก อ ด ป ฐ พีณ ที่ซึ่ง เวลานี้  เ ธ อ มี รั ก ป ร ะ จั ก ษ์ ใ จรั ก มิ ต้อง ฝัน ... รั ก  นั้นคือ รั ก จ ริ ง !“ ค ว า ม รั ก นั้ น ยิ่ ง ใ ห ญ่ ”เริงรำร้อง  เที่ยวท่องไปสู่จุดหมายปลายทางแห่ง   เ พ ล ง รั ก นิ รั น ด ร์ณ ที่นี่ ... ที่นั่น ... ที่โน่น! นั้นมี  รัก!เราผ่อนพักชีวา  รั ก รั ง ส ร ร ค์เ มื่ อ  วิ ญ ญ า ณ  แห่ง  รั ก  โ อ บ ก อ ด กันโ ล ก = น ร ก – ส ว ร ร ค์  เป็นฉันใด  มิ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก แฟ้มข่าวประชาไท(๑) Excellent Life Rhythm(เป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก)ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาวแสง สี เสียง แห่งแม่พระธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้า แห่งวิถีชีวิตเพื่อนมนุษยชาติ ช่างงดงาม หลากสีสันนัก!--- ดวงตะวัน ดวงดาว เดือนเสี้ยว –- กลางฤดูปลายฝน ต้นหนาว-- ฯลฯ --- ฯลฯ --- ฯลฯ---เริงระบำ รำร่ายฟ้อนเป็น Rhythm… เป็นจังหวะดนตรีแห่งสีสัน ช่างงดงามนักExcellent Life Rhythmเป็นจังหวะชีวิตที่แสนวิเศษนัก!“ Life is Very Beautiful”ชีวิตช่างงดงามนัก หากโครงสร้างสังคม สามานย์ เปลี่ยนแปลง(๒) หมดเวลาของคุณแล้ว!Hello!พณฯหัวเจ้าท่าน คมช.หมดเวลาของคุณแล้ว!อย่าสืบต่ออำนาจต่อไปอีกเลย!อย่าเผด็จการฟัสซิสม์…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ล ม ห น า ว เ ห นื อ พั ด โ ช ย ม ายามต้องไล้ผิวกายร้อน ที่รุ่ม ก็ คลายกลิ่นอาย เหมันตฤดู มิรู้เลือน น ก น้ อ ย ๆ สีเหลืองเรืองเรื่อโบยบินทุกแหล่งหล้ามิรู้หนโผร่อนจับเกาะกิ่งก้านต้นมะขามสนามหลวง – สนามราษฎร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว – ตามไล่ทักทายกันโ อ ... ก็นานนักแล้วซิหนอที่พวกเจ้ามิได้มาพบกัน! ณ เบื้อง ฟ้าบนด ว ง ต ะ วั น สาดแสงแรงกล้า น ก พิ ร า บ ข า ว พราวอันมิถ้วนนับสะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อน ... ราวจักข่ม คคนานต์พราวปีกขาว สะพรึบสะพรั่ง โบยบิน ฉวัดเฉวียน เวียนว่อนเริงรำร่อนจับเกาะกอดโดมแดนธรรม... ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์โ อ !...…
แสงดาว ศรัทธามั่น
(1)จักรวาลอวยพรชัยณ ยามราตรีกาลดวงดาวเดือนพราวพร่างบนทุ่งฟ้าวิบ วิบ วับ วับ เปล่งประกายทอแสงเจิดจ้าอวยพรชัยแด่โลก ชีวิต!แล ณ ยามอรุณรุ่งดวงตะวันสาดแสงสีทองส่องโลกหล้าวิหคนกกามวลสรรพสิ่ง – สรรพชีวี...เริงระบำรำร่ายฟ้อนอวยพรชัยแด่ผองเพื่อนมนุษยชาติ!ณ คืนวันแห่งการสัปประยุทธ ต่อสู้ด้วยอหิงสา ศานติวิธีพี่น้องม่าน พี่น้องชนเผ่าทั้งผอง...แล สตรีเหล็ก “ออง ซาน ซูคยี”รวมทั้งผองเพื่อนพี่น้องร่วมโลกร่วมแผ่นดินแห่งดาวโลกดวงนี้ต่างคล้องแขนร่วมเดินทางเปล่งร้องขับขานบทเพลงแห่งชัย...ชัย...ชัย...ชัย ! ดูรา...ภราดา...ภราดายลดูด้วยประกายดวงตาปลื้มปิติ...ดูซี...ดูซี...“มองดูความจริงซี”พระคุณท่าน แม่ชี...…