Skip to main content

ถึง ลุงแสงดาว

เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
\\/--break--\>
หนูรีบเอาใจแม่ด้วยการฉีกยิ้มหวานหยดหมดใจ แม่จะได้มุดเข้ามาในมุ้งรีบอุ้มหนูออกไปนั่งด้วย

แม่จ้ำเท้าเร็วรี่ คงกลัวหนูตกเตียง (เตียงของหนูคือแคร่ไม้ไผ่สองตัวต่อกัน กว้างประมาณเตียงหกฟุต) แม่บ่นตามเคย “โธ่ ตาน้ำ ตื่นมาทำไมตอนนี้ แม่จะทำงาน” แต่หนูไม่สน หนูยิ้มพร้อมพูดกับแม่ว่า แฮ่ะ แฮ่ะ และกางมือขึ้น แม่ก็รู้แล้วว่าหนูอยากให้แม่อุ้ม พาหนูไปเล่นด้วย อยู่บนเตียงไม่สนุกแล้ว

แม่อุ้มหนูออกมานั่งเล่นอีกมุมหนึ่งของบ้านดิน (บ้านเรามีกำแพงดินกั้นเป็นสองห้อง แต่กำแพงดินกั้นสูงประมาณสองเมตร แล้วก็ปล่อยโล่ง ไม่ได้กั้นจนมิดเพดานเหมือนบ้านทั่วไป) ห้องนี้เปิดไฟสว่าง หนูมองเห็นของเล่นมากมาย ไม่ว่าตุ๊กตาตัวเล็กๆ กระป๋อง ขวดนมเปรี้ยว (ใช้แล้ว) หลากสีสัน และของเล่นสดใหม่ในแต่ละวันอันได้แก่ ใบเตย ลูกเสาวรสสีเหลืองสด ลูกมะเขือ ลูกสมอ ของพวกนี้แม่เทให้บนพื้นเพื่อให้หนูเล่นคนเดียวก่อน แต่มันไม่สนุกนี่นา หนูว่าของเล่นของแม่สนุกกว่าแยะ หนูจึงคลานไปเกาะขาแม่ที่นั่งบนเก้าอี้อยู่ข้างเครื่องซักผ้า (แม่เอาเครื่องซักผ้าเป็นโต๊ะทำงาน)

หนูยิ้มให้แม่ตามเคย มันคืออาวุธของหนูที่งัดออกมาใช้เมื่อไหร่ แม่จะยอมให้หนูทุกอย่าง แม่หันมาและยิ้มใจอ่อนให้หนู
“มา มา” แล้วแม่ก็อุ้มหนูนั่งตักให้หนูเล่นด้วย
แม่บอกหนูว่า “เนี่ย แม่เขียนถึงลูกมาห้าตอนแล้ว ลงในประชาไทเนี่ย รู้ตัวไหม ลุงแสงดาวเป็นห่วงลูกนะ ลุงเข้ามาอ่านและเขียนถึงลูกแทบทุกตอนเลย”
หนูร้อง “วาๆ อาๆ” จริงเหรอ จริงเหรอ แม่
หนูดีใจมาก รีบตบคอมพิวเตอร์แม่ปังๆ “หนูดีใจที่สุดค่า”

แล้วแม่ก็เปิดรูปลุงแสงดาวให้หนูดู
“นี่ไง ลุงแสงดาว แม่เก็บรูปนี้ไว้ว่าจะเขียนเรื่อง สุภาพบุรุษผู้มีคิ้วหงอก จนป่านนี้แม่ก็ยังไม่ได้เขียน”
หนูร้องกรี๊ด “อ้าๆๆ วาๆๆ!” ว้าย คุณลุงรูปหล่อที่สุดในโลก


หนูจุ๊บๆ ลุงที่หัวมุมคอมพิวเตอร์แม่ แล้วหนูก็กัดง่ำๆ ด้วยความคันเขี้ยว เอ๊ย ด้วยความคิดถึง อยากเจอลุงเร็วๆ
แม่ต้องดึงหนูออกมา
“เดี๋ยวไฟดูด ตาน้ำ”
แต่หนูไม่ยอมหรอก หนูถีบขาจะจุ๊บลุงให้ได้ แม่เลยเปลี่ยนรูปไปเป็นหน้าเว็บไซต์ประชาไท และเปิดเรื่องที่ลุงภู เชียงดาวเขียน

“นี่ บ่ะภู เพื่อนแม่” แม่บอกหนู
บ้านลุงภูน่าอยู่มาก หนูมองแล้วก็ตบคอมแม่ปังๆ แม่ไม่ว่า (สงสัยหนูคงยังไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แม่เลยปล่อยให้ตบเล่นตามใจชอบ) แม่นั่งนิ่ง กอดหนูไว้ แล้วก็บ่น
“กึ๊ดเติงหากู้คนตี้เจียงใหม่เนาะ” แม่เริ่มพูดภาษาคำเมืองกับหนูแล้ว

แม่จะเป็นอย่างนี้แหละค่ะ ลุง ถ้าเราอยู่กันสองคนแม่จะอู้คำเมืองกับหนูบ่อยๆ ทุกวันนี้หนูหน้าแบน ดั้งแหมบ แม่ก็ยังภูมิใจว่าเฮาคนเมือง ย่อมดั้งแหมบเป็นธรรมดา

ข้อเขียนของลุงภู ทำให้แม่ซึมไปเล็กน้อย หนูเลยหันมาปลอบด้วยการตบแก้มแม่แปะๆ แม่บอกหนูว่าแม่คิดถึงบรรยากาศของคนเขียนหนังสือ คิดถึงลุงรงค์ แม่ไม่มีโอกาสไปกราบลุงรงค์ในวาระสุดท้ายของชีวิต แม้กระทั่งลุงรงค์จากไป แม่ก็ไม่ได้ไปร่วมงานของลุงเลย

แม่ดูเศร้าและพูดงึมงำๆ
หนูบอกว่า วาๆๆและทำปากบรื้นๆๆ พ่นน้ำลายเต็มหน้าแม่
แม่เลยหัวเราะและบอกว่า ช่างมันเถอะ
แล้วแม่ก็อุ้มหนูออกมาหน้าบ้าน ฟ้าเริ่มรำไรแล้ว แม่เดินไปเสียบกระติกน้ำร้อนและกลับมาใหม่ เดี๋ยวรอแดดออก แม่จะพาหนูเดินเล่น รับแดดเช้าเช่นเคย

ตอนนี้แม่ปิดคอมและยกคอม (โน้ตบุ๊ค) มาวางไว้กับโต๊ะญี่ปุ่น เพราะเดี๋ยวแม่จะซักผ้าให้หนูแล้ว แม่เดินหยิบนู่นหยิบนี่ หนูเล่นของเล่นหลอกให้แม่ตายใจสักพัก แล้วหนูก็แอบมาเขียนจดหมายถึงคุณลุง หนูคลานไปเกาะโต๊ะญี่ปุ่น และยันตัวลุกขึ้นยืน (หนูยืนเก่งแล้วค่า แต่ต้องมีที่ให้เกาะนะคะ) เคาะคอมพิวเตอร์แม่แปะๆๆๆ และตะโกน วาๆๆ อาๆๆ คุณลุงได้ยินไหม

ลุงแสงดาวจ๋า
ตาน้ำกินกล้วยใต้ (กล้วยน้ำว้า) ประจำค่า อาหารที่หนูกินส่วนใหญ่ปลอดสารพิษค่า เพราะรอบศูนย์ฯ มีพืชกินได้มากมาย พ่อหาปูหาปลาไม่เป็น (พ่อไม่ฆ่าสัตว์ แม่ต้องลงมือประจำถ้าได้ปลามา) แต่พ่อเก็บผักเก่ง หายห่วง เดินผ่านต้นไม้ทีไร พวกต้นไม้พากันตัวสั่น กลัวถูกเด็ด (ตอนแม่มาใหม่ๆ แม่เห็นแต่ต้นไม้ แม่มองไม่เห็นอาหาร แต่ตอนนี้แม่เริ่มรู้บ้างแล้ว ว่าต้นไม้แทบทุกต้นกินได้ แม่รู้จากพ่อ) ส่วนไข่ แม่ก็ให้ตาน้ำกินไข่เป็ด ไข่ไก่บ้าน ไข่ไก่งวง (อร่อยดีนะ ลุงเสือ-พี่ชายพ่อเลี้ยงไก่งวงแล้วเอามาให้หนูกิน) แต่ถ้าวันไหนไม่มี แม่ก็ให้ไข่ไก่ซีพีแก้ขัด และก็ให้ตาน้ำกินเนื้อปลาเป็นหลัก ปลาแม่น้ำมีหลายชนิด ไม่น่าเบื่อหรอก



และแม่ก็ไม่เน้นการใช้ยาด้วยนะคะ แม่จะเน้นเรื่องการกินอาหารที่ดีและสภาพแวดล้อมที่ดี ถ้าไม่สบาย ก็จะใช้สมุนไพร ที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านมีสมุนไพรหลายอย่าง แม่เองก็ต้มสมุนไพรกิน (ตอนอยู่ไฟ)

หนูเป็นเด็กบ้านนอกเต็มขั้นเด้อ ลุงแสงดาว กินผักกินหญ้าสู้แดดสู้ลม อ้อ และหนูมีฟามลับจาบอกด้วย ลุงเอียงหูมาสิ จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปนาคุณลุง หนูน่ะ ตดเสียงดังมาก มาแข่งตดดังกับหนูไหมคะ และก็ขี้เหม็นมาก ฮิๆ แม่ว่าหนูขี้เหม็นที่สุดในโลก แต่หนูว่าแม่น่ะแหละ ขี้เหม็นที่สุดในโลก ส่วนหนูเหม็นรองจากแม่ แหวะๆ

อ้าว! แม่มาอุ้มหนูไปซะแล้ว หนูคงต้องจบจดหมายของหนูแค่นี้นะคะ ลุงแสงดาว แม่จะพาหนูไปรับแดดเช้า

คุณลุงดูแลตัวเองด้วยนะคะ
ฮักลุงแต๊ๆ แม้ยังไม่เคยเจอ
หนูตาน้ำ

ปล. ตอนนี้ต้นกล้วยน้ำว้าหน้าบ้านออกลูกสุกแล้ว พ่อปล่อยไว้บนต้น หิวเมื่อไหร่ค่อยเด็ดกิน ลุงมากินกับหนูไหม

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้