Skip to main content


เมื่อเช้าผู้เฒ่าผู้แก่แถวบ้านจับกลุ่มคุยกันเรื่องการเมืองไทย มีคำพูดหนึ่งสะดุดใจมาก
"มันอยู่ตี้ไหนบ่า ไอ้กลุ่มแบ่งแยกดินแดน ฮาจะไปร่วมตวย"
(มันอยู่ที่ไหนวะ ไอ้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเนี่ย กูจะไปร่วมด้วย)
คำพูดประโยคนี้ ทำให้ฉันอยากเขียนเรื่องนี้

............

มันชื่อสารโพแทสเซียมคลอเรต,

เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือเกือบยี่สิบปีก่อน เคยมีเหตุการณ์สารชนิดนี้ระเบิดที่อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้คนงานโรงงานลำไยเสียชีวิต ๓๖ คน บาดเจ็บ ๑๐๒ คน บ้านเรือนเสียหาย ๕๗๑ หลัง -- สารชนิดนี้ เดิมทีน้อยคนที่จะรู้ว่ามันใช้ใส่ต้นลำไยและให้ผลดกมากแต่ก่อนนั้น ชาวสวนลำไยใช้วิธีการปลูกลำไยไปตามธรรมชาติ ปีไหนมันจะดก มันก็ดก ปีไหนมันจะไม่ดกมันก็ไม่ดก ทั้งที่ลำไยราคาดีมาก ยุคนั้นขายกันต้นหนึ่งราคาเป็นแสน

จนเมื่อมีเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้นเองชาวสวนลำไยทั่วประเทศ (โดยเฉพาะภาคเหนือ) ถึงได้รู้ว่า มันมีสารชนิดนี้อยู่ในโลก เมื่อใส่แล้วทำให้ลำไยออกผลดกมาก ดังนั้น นอกเหนือความสะเทือนใจสะเทือนขวัญของคนไทยทั้งประเทศต่อเหตุการณ์สารโพแทสเซียมคลอเรตระเบิดคราวนั้น ผลที่เป็นรูปธรรมจริงๆ คือ ชาวสวนลำไยจากแม่ฮ่องสอน เชียงราย เวียงแหง พากันออกมาเสาะหาว่าเจ้าสารลำไยตัวนี้มันมีขายที่ไหน จะซื้อมาใส่บ้าง เพื่อนบ้านสมัยฉันอยู่แม่ฮ่องสอนขับรถเข้าเชียงใหม่มาถามหาว่าเจ้าสารตัวนี้มันมีขายที่ใด ตอนนั้นฉันได้แต่ขำปนตะลึงว่า เฮ้ย นี่ไม่รู้สึกกลัวบ้างหรือ สารตัวนี้มันอันตรายนะ

แต่ความจริงคือความจริงคนที่ใช้ชีวิตจริงๆ ย่อมรู้ดีว่า อะไรคือแก่นสารของชีวิต อะไรคือปากกัดตีนถีบ อะไรคือดิ้นรน แต่ก่อนมีคนรู้น้อยมากๆ ว่าเจ้าสารตัวนี้มันทำให้ลำไยออกผลดกและคนอื่นเขาก็ร่ำรวยกันชนิดที่ว่าเป็นมหาเศรษฐีสวนลำไย (สารตัวนี้ทำให้ผลลำไยดกจริงๆ มากกว่าสามสี่เท่าหรือห้าเท่า ขอยืนยันเพราะที่บ้านใช้อยู่)

จวบจนปัจจุบันชาวสวนลำไยแทบทุกเจ้า(คาดว่าน่าจะเกิน ๙๙ เปอร์เซ็นต์) ล้วนต้องซื้อสารตัวนี้มาใส่ กิโลหนึ่งราคา ๕,๐๐๐ บาทชาวสวนลำไยหนึ่งไร่น่าจะใช้เกินหนึ่งกิโล (ขึ้นอยู่กับว่าต้นลำไยมีกี่ต้น) ซึ่งนับว่าแพงมากแต่ว่าทุกคนก็ขวนขวายที่จะซื้อ

กล่าวโดยสรุปคือเจ้าสารตัวนี้ขายดิบขายดี เป็นที่ต้องการอย่างมาก นั่นคือผลที่เกิดจากสารตัวนี้ระเบิดและมีคนเสียชีวิตถึง ๓๖ คนเมื่อหลายปีก่อนนั้น ไม่ใช่ความกลัว ไม่ใช่ความตระหนกตกใจว่า สารตัวนี้มันระเบิดได้ ทำให้เสียชีวิตได้

ทำไมฉันคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา-- เพราะเรื่องการแบ่งแยกประเทศมันพือสะพัดจนแทบจะตั้งหลักไม่ถูกว่า มันไปไงมาไง ฟังดูก็คล้ายว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ฟังอีกทางก็คล้ายว่าฝ่ายโน้นจะเชื่อจริงเชื่อจังว่ามันเป็นเรื่องจริงมีการปล่อยข่าวว่าแต่งเพลงชาติใหม่แล้ว ซื้อที่ดินเตรียมทำรัฐสภาแล้ว แรกทีเดียวได้ยินก็ขรรม มันจะมีอะไรที่ชวนให้สังเวชใจสังคมไทยมากกว่านี้อีกไหม

แต่เมื่อเช้าหลังจากผู้เฒ่าผู้แก่สี่ห้าคนจับกลุ่มคุยกันว่า "มันอยู่ตี้ไหนบ่าไอ้กลุ่มแบ่งแยกดินแดน ฮาจะไปร่วมตวย" (มันอยู่ที่ไหนวะไอ้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเนี่ย กูจะไปร่วมด้วย)

เรื่องของสารลำไยระเบิดก็ผุดขึ้นมา แม้นว่าไม่ใช่เรื่องเดียวกันแต่มันก็คล้ายๆ จะเดินไปทางเดียวกัน ไม่มีใครกลัวหรอก   ขอเพียงกระพือต่อไปเถอะ กระพือต่อไปให้มาก ลือสะพัดกันให้มากๆ สารลำไยอยู่ที่ไหนชาวสวนลำไยจะออกเดินทางตามหา 

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้