Skip to main content
นี้ไม่ใช่เรื่องสั้นหรือเรื่องแต่งแต่เป็นเรื่องจริง และนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ไม่ใช่เรื่องตลกแต่ถ้าคุณจะหัวเราะก็มีสิทธิที่จะทำได้ เพราะฉันก็หัวเราะไปแล้ว

 

เรื่องจริงที่จะเล่าให้ฟัง ...เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ

 

ที่เชียงใหม่ ยามค่ำคืน มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถโฟล์คสีบานเย็น อยู่บนถนนสายหางดงเชียงใหม่ ในขณะขับรถไปนั้น น้ำมันหมด เพราะที่วัดระดับน้ำมันเสีย เธอรีบโทรศัพท์ไปหาน้องสาว บอกเส้นทางที่ตัวเองอยู่ แต่โทรศัพท์แบต หมดก่อนที่จะทันคุยกันรู้เรื่อง


ตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่มี บนถนนไม่มีตู้โทรศัพท์สาธารณะมานานแล้ว ถึงมีก็ใช้ไม่ได้ ตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่ได้รับความสนใจ เพราะทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือ เธอมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครจะช่วยเหลือได้ในเวลานี้ เวลาสามทุ่มกว่า ๆ เธอเห็นป้อมยามตำรวจเพื่อประชาชนอยู่บนถนน เธอรีบตรงไปที่ป้อมยามด้วยความยินดี บอกตำรวจว่า เธอมีปัญหารถน้ำมันหมด จะโทรไปหาน้องสาวแต่แบตเตอรี่หมด ขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหม หรือไม่ก็ขอชาร์ตแบตมือถือหากว่ามีเครื่องชาร์ต ตำรวจบอกว่า ไม่มีโทรศัพท์ และบ่นว่าตอนนี้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ต้องไปจัดการ

 

หญิงสาวมองเห็นโทรศัพท์ที่วางอยู่ในตู้แต่คิดในทางที่ดีว่า มันอาจจะเป็นโทรศัพท์เปล่า ๆ ที่ยังไม่ได้ต่อสาย และโทรศัพท์มือถือของตำรวจอาจจะหมดเงินพอดี โทรออกไม่ได้ ตำรวจคงอายที่จะบอกว่า มือถือผมโทรออกไม่ได้ครับ

 

เธอจึงเดินออกมาจากป้อมยามตำรวจอย่างเศร้า ๆ และผิดหวังที่ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้

 

เธอคิดถึงกรุงเทพฯ ถ้าเชียงใหม่เรียกแท็กซี่ง่าย ๆ อย่างในกรุงเทพฯ ก็ดี เธอมองไปรอบ ๆ ถนน ฝั่งตรงกันข้าม มีอู่ซ่อมรถที่ปิดแล้วแต่มีหนุ่ม ๆ นั่งดื่มกันอยู่สามสี่คน เธอตัดสินใจเดินเข้าไปที่กลุ่มคนพวกนั้น

 

เธอพูดเหมือนที่พูดกับตำรวจ

"ขอใช้โทรศัพท์สักครั้งหรือขอยืมที่ชาร์ตแบตเตอรี่ เพราะรถน้ำมันหมด และแบตโทรศัพท์ก็หมดด้วย"


พวกเขารีบเอาโทรศัพท์มาให้ใช้ และอีกคนหาที่ชาร์ตแบตเตอรี่มือถือมาให้ และบอกว่าจะเอารถมอเตอร์ไชค์ไปซื้อน้ำมันก็ได้นะ

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวน้องสาวก็มาแล้ว ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"

 

เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและโทรศัพท์ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนทำเสียงตกใจว่า เธอเสี่ยงเข้าไปขอความช่วยเหลือคนเช่นนั้นได้อย่างไร

 

เธอบอกเพื่อนว่า ก็ฉันไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจแล้วไม่ได้ ฉันก็ต้องเลือกใครสักคนที่จะช่วยฉันได้ บางทีคิดว่า คนที่เคยยากลำบากนั่นแหละจึงจะเข้าใจกันได้

 

ฉันฟังเธอเล่าแล้วรู้สึกขบขัน ก็จะไม่ให้ขำได้อย่างไร เธอทำถูกต้องมากที่มีปัญหาก็ต้องวิ่งไปหาตำรวจคนที่ควรไว้วางใจที่สุดแล้ว แต่ในที่สุดเธอต้องตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่ใครต่อใครก็มองได้ว่าไม่น่าไว้วางใจที่สุด มันน่าขบขันไหมล่ะ แต่หลังจากหัวเราะขำแล้วก็รู้สึกตกใจเหมือนกันที่ตำรวจเมินเฉยกับความทุกข์ยากของผู้หญิงคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาน่าจะหาหนทางช่วยเหลือหรือหาทางออกให้เธอได้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เธอก้มหน้าเดินออกมาเฉย ๆ

 

ก่อนจบบทสนทนา ฉันบอกเธอว่า ใครอย่าบอกเลยว่าที่ไหนดีกว่ากัน

 

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
บทความที่พยายามนำพาผู้อ่านฝ่าม่านมายาคติว่าด้วยการจัดการทรัพยากรป่าไม้ด้วยการป้องกันไฟป่าสู่รูปแบบการจัดการแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้วยการ"ชิงเผา"  
แพร จารุ
บน ฟ้า มี เมฆ ลอย บน ดอย มี เมฆ บัง มี สาว งาม ชื่อ ดัง อยู่ หลัง แดน ดง ป่า     เนื้อเพลงมิดะค่ะ สองบรรทัด....เพราะเหลือเกิน และเข้าไปอยู่ในหัวใจใครต่อใครได้ไม่ยาก บนฟ้ามีเมฆลอยบนดอยมีเมฆบัง ฟังเพียงแค่นี้ก็จินตนาการได้กว้างไกล หัวใจก็ลอยไปถึงไหน ๆ แล้ว  
แพร จารุ
 ฉันเชื่อว่า หากคนเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทุกอย่างก็จะดีได้ไปกว่าครึ่ง บางคนบอกว่า ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน เช่น เรื่องทัศนคติที่มีต่อคนอื่น และตัดสินอย่างช้า ๆ   สามีของฉันบอกว่า จงรวดเร็วในการฟัง แต่จงเชื่องช้าในการตอบ คือให้ความสำคัญในการฟังมากๆ ก่อนจะตอบจึงจะดี จริงของเขาเพราะเดี๋ยวนี้มีแต่คนพูดและพูด แต่ไม่ค่อยฟังคนอื่น ฉันเอาเรื่องนี้มาเขียนเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากไปสังเกตการณ์เขาพูดคุยทบทวนประสบการณ์การทำงานกันของโครงการ (CHAMPION/MSM) และสมาคมฟ้าสีรุ้ง    
แพร จารุ
  1   เหมือนเมืองบาป ฉันบอกเพื่อน ๆ จากเมืองกรุงว่า มาเชียงใหม่ อย่าลืมไปกินข้าวที่สุดสะแนนนะ อาหารหลายอย่างอร่อย และพบใครๆ ที่สุดสะแนนได้ไม่ยาก นักเขียน นักข่าว นักดนตรี นักร้อง ศิลปินวาดภาพ งานปั้น และคนที่ยังไม่มีงานทำและไม่อยากทำงานอะไรเลย
แพร จารุ
เก็บดอกไม้สีขาวแล้วไปฟังดนตรีกันค่ะ ใครมาเชียงใหม่ช่วงนี้ มีดอกไม้สีขาวบานรับ เช่น ดอกปีบ มองขึ้นไปออกดอกพราวเต็มต้น สวยงาม หอม ชวนเด็ก ๆ ไปเก็บดอกปีบที่ร่วงอยู่ตามพื้นมาร้อยมาลัยเล่น ปีบเป็นต้นไม้ที่ทนความแห้งแล้งได้ดียิ่ง เรียกว่าแทบไม่ต้องดูแลกันเลยทีเดียว ต้นไม้แกร่งแต่ให้ดอกขาวสวยบอบบางและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เดินไปที่ไหนทั่วเชียงใหม่ก็พบดอกปีบได้ไม่ยากค่ะ คราวนี้ ก็มาถึงฟังดนตรีค่ะ ดนตรีในเมืองเชียงใหม่ก็มีฟังทุกแห่งเหมือนกันค่ะ เรียกว่าหาฟังกันไม่ยาก เพราะนักดนตรีในเมืองเชียงใหม่มีเยอะ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ฟังได้ เรียกว่ามีดนตรีฟรีอยู่ทั่วไป…
แพร จารุ
    อย่าเชื่อว่าผู้คนต้องการความร่ำรวยมากกว่าอย่ในบ้านของตัวเองอย่างเป็นสุข แต่ขออภัยก่อนฉันมัวแต่ปลูกต้นไม้ หน้าบ้านของฉันเป็นผืนดินที่มีต้นไม้หนาแน่น เมื่อที่ดินถูกเปลี่ยนมือเป็นของธนาคารกสิกรไทย มันถูกไถจนหมดสิ้นภายในวันเดียว ฉันจึงเริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เป็นรั้วแทนกำแพงบ้านอีกชั้นหนึ่ง เพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้คลายร้อนได้บ้าง
แพร จารุ
    เปิดเมล์พบข้อความนี้ถูกส่งเข้ามา *** หนูเป็นคนกรุงเทพฯ เคยมีแฟนเป็นหนุ่มกลายสมัยที่เรียนด้วยกัน เขาเคยชวนไปเที่ยวบ้านกลาย หนูอ่านเรื่องบ้านกลายที่พี่เขียนในประชาไท รู้สึกเดือดร้อนแม้ว่าหนูจะไม่ไปที่นั่นแล้ว เพราะหนุ่มกลาย คนที่หนูรักไม่น่ารัก ไม่ดี แต่ทะเลกลายดีสวยงาม อาหารทะเลมีมาก คนอื่น ๆ ที่กลายที่หนูรู้จักก็ดีค่ะ เขาดีกับหนูมาก คนใจดี หนูจึงอยาจะร่วมปกป้องด้วย หนูอ่านพบเรื่อง SSB และลองเขียนสรุปมาให้พี่ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือในชื่อเต็มว่า การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard : SSB)…
แพร จารุ
  งานชั้นนี้ “แพรจารุ” ไม่ได้เขียนเองค่ะ เป็นของคุณวิชัย จันทวาโร ถือโอกาสเอามาลงที่นี่ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเผยแพร่ให้ผู้อ่านรู้จักทะเลกลาย ทะเลไทย ที่กำลังถูกมือร้ายอย่างเซฟรอนบริษัทขุดเจาะน้ำมันข้ามชาติทำลาย ภายใต้นโยบายของรัฐไทย ***************
แพร จารุ
  บ้านกลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 30 สิงหาคม 2553              คุณหญิงที่รัก  
แพร จารุ
โลกนี้คนชั่วมากเหลือเกิน และบรรดาคนชั่ว ๆ ก็ล้วนเป็นผู้มีอำนาจ พวกเขามีอำนาจที่จะอนุมัติโครงการใหญ่ ๆ ทำลายฐานทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาหารที่คนพอจะทำมาหากินได้ พวก เขาขุดภูเขา ถมทะเล โดยไม่สนใจว่าเจ้าของเขาอยู่กันอย่างไร ต่อไปกะปิอร่อยๆ ที่ฉันเอามาฝากคุณก็จะไม่มีแล้ว เพราะที่บ้านฉันจะมี เซฟรอน คุณรู้ไหมมันคืออะไร คือบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างชาติ ที่เข้ามาถมทะเลสร้างท่าเรือ เพื่อขุดเจาะหาพลังงานไปขาย โดยไม่สนใจว่าเป็นแหล่งอาหารของชุมชน ป้าของฉัน แกบอกว่า นอนไม่หลับมานานแล้ว แกกังวลว่าจะอยู่อย่างไร แม่ของฉันอายุเก้าสิบปี ฉันไม่กลับบ้านมาสองปี แม่เก็บกระดาษไว้ให้ฉันสามแผ่น…