Skip to main content

1. ความเดิม


จากปัญหาที่ผู้บริหารทั้งระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่และผู้จัดการใหญ่ของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) “อ้าง” หลายครั้งหลายวาระด้วยกันว่า ก๊าซหุงต้มในประเทศไทยขาดแคลน ทาง บริษัท ปตท. จึงได้ออกมาบอกกับสาธารณะในสามประเด็นหลัก คือ


(1)
เสนอแนะให้รัฐบาลขึ้นราคาหรือลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มให้เท่ากับราคาตลาดโลก
(2)
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาทาง ปตท. ได้นำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีแล้วจำนวน2 หมื่นตัน ขณะเดียวกันผู้บริหารระดับสูงสุดอ้างว่าในปีนี้จะมีการนำก๊าซถึง 4 แสนตัน

(3) ราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลกตันละเกือบพันเหรียญสหรัฐ แต่ราคาก๊าซในประเทศอยู่ที่ตันละประมาณ 300 เหรียญ ทำให้รัฐต้องเสียเงินชดเชยราคาเป็นจำนวนมาก


ผมเกิดความสงสัยในข้อมูลดังกล่าว จึงได้ทำการสืบค้นทั้งจากกรมศุลกากรซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการเก็บภาษีนำเข้า-ส่งออกและจากกระทรวงพลังงานที่ดูแลข้อมูลนี้โดยตรง ก็ไม่พบว่าได้มีการนำเข้าก๊าซหุงต้มทั้งในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2551 แต่อย่างใด


นอกจากจะไม่ได้มีการนำเข้าแล้ว ยังมีการส่งออกอีกต่างหาก ข้อมูลของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวก็ช่างตรงกันพอดี ผมจึงสรุปว่า คำกล่าวข้อที่ (2) ของ ปตท. เป็นเท็จ


สำหรับข้อที่ (3) ผมวิจารณ์ว่าเป็นการให้ข้อมูลเพียงครึ่งเดียว ความจริงแล้วราคาก๊าซในประเทศที่มีอากาศหนาวราคาก๊าซจะต่างกันเกือบครึ่งต่อครึ่งในแต่ละปี


สำหรับข้อ (1) ที่ ปตท. เสนอแนะให้รัฐบาลขึ้นราคา ผมไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ครับ แต่ผมพอจะจำความได้ว่า เดิมทีเดียวนั้น บริษัท ปตท. มาจาก “น้ำมันสามทหาร” ที่มีปรัชญาหลักว่า “เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของทหารและชาติ”


ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของบทความที่ชื่อว่า “จับเท็จ ปตท. กรณี “นำเข้าก๊าซหุงต้ม””


2.
คำชี้แจงของบริษัท ปตท.


ต่อมาผมได้รับทราบจากข้อมูลในเว็บบอร์ดของบริษัทผู้จัดการ จำกัด ว่ามีคำชี้แจงมาจากบริษัท ปตท. แต่ผมไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ชี้แจง


ต่อมาอีกไม่นาน ผมทราบว่า มีการพูดถึงบทความที่ผมเขียนในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางโทรทัศน์ช่อง 3 วันที่ 21 กรกฎาคม เวลาประมาณ 8 โมงเศษ พอสรุปได้ว่า


นักข่าวได้ไปสอบถามทาง ปตท. ทางบริษัท ปตท.จำกัดได้ชี้แจงดังนี้ คือ ไม่ได้นำเข้าก๊าซหุงต้มโดยตรง เพราะการนำเข้าแอลพีจีโดยตรงนั้นทำได้ลำบาก ต้องใช้เรือเฉพาะ แต่ได้นำก๊าซชนิดอื่นที่เรียกว่า บิวเทน (butane) และโปรเพน (propane) เพื่อมาผสมกับก๊าซชนิดอื่นแล้วใช้แทนก๊าซหุงต้ม (หรือแอลพีจี)”


ผู้ดำเนินรายการยังได้สรุปว่า “เรื่องนี้เป็นปัญหาทางเทคนิค ถ้าใครสงสัยก็ให้ไปสอบถามที่ ปตท.ได้”


3. จับเท็จซ้ำสอง


ผมมีประเด็นที่จะขอตั้งข้อสังเกตและได้สืบค้นหาความจริงดังต่อไปนี้

(1) คำถามง่ายๆ ครับ ถ้านำเข้าก๊าซแอลพีจีเป็น “เทคนิคที่ลำบาก” แล้วทำไมการส่งออกก๊าซแอลพีจีชนิดเดียวกันจึงเป็น “เทคนิคที่ทำได้” ก๊าซชนิดเดียวกันเวลาส่งออกใช้เทคนิคหนึ่ง เวลานำเข้าต้องใช้อีกเทคนิคหนึ่ง มันสองมาตรฐานชอบกลนะ


แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายเท่ากับเรื่องต่อไปนี้ครับ คือ


(2)
ผมได้สืบค้นข้อมูลอีกทั้งจากสองแหล่งเดิม เอากรณีของกรมศุลกากรก่อนนะครับ คราวนี้ผมขออนุญาตนำที่อยู่ของเว็บไซต์ของกรมศุลกากรมาแสดงด้วย เข้ายากไม่ใช้น้อยนะครับ คือเข้าไปที่ http://www.customs.go.th/Statistic/StatisticIndex.jsp ก่อน แล้วค่อยไปบอกรหัส (HD-Code) ตามที่ระบุ (แต่ไม่มีจุด เช่น 2711120006 สำหรับ Propane 27111900001 สำหรับแอลพีจี และ 2711130007 สำหรับ Butane- เข้ายากมากครับสำหรับคนที่ไม่ค่อยทีทักษะคอมพิวเตอร์)

ผลปรากฏว่า ไม่พบการนำเข้าของก๊าซทั้งสองรายการตามที่ทางบริษัท ปตท. ชี้แจงมาแต่อย่างใด ผมแนบผลการตรวจค้นมาด้วยครับ


25_7_01


25_7_02


ต่อมาผมก็สืบค้นที่กระทรวงพลังงาน ก็ไม่พบการนำเข้าก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มเช่นเคย ผมตั้งใจจะแสดงผลการตรวจค้นทั้งหมด เนื่องจากตารางมันใหญ่โตเกินไป ผมจึงเลือกตัดเอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแอลพีจี (LPG) เท่านั้น ซึ่งตรงกับสะดมภ์ G และบรรทัดที่ 27 ข้อมูลในตำแหน่งที่กล่าวแล้ว คือข้อมูลการนำเข้าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2008


ผลคือไม่พบข้อมูลการนำเข้าก๊าซแอลพีจีแต่อย่างใด (ในวงรีสีส้ม)

 


25_7_03


นอกจากนี้ ทางกระทรวงพลังงานได้กำหนดนิยามของ LPG (ในบรรทัดที่ 30) ว่าให้นับรวมก๊าซชนิดที่เรียกว่า Propane และ Butane ด้วย ก๊าซสองชนิดนี้แหละที่ทาง ปตท. อ้างว่าได้นำเข้ามาแทนแอลพีจี เพราะเทคนิคการนำเข้าง่ายกว่า


ดังนั้น สำหรับข้อมูลของกระทรวงพลังงานแล้ว ชัดเจนดีโดยไม่ต้องค้นหาอะไรเพิ่มเติม แต่เฉพาะในเรื่องนี้เท่านั้นนะครับ เรื่องข้อมูลอื่นยังมีปัญหาที่ทำให้ผู้รับข้อมูลเข้าใจได้ยากมากหรือไม่สามารถเข้าใจได้เลย หากมีเวลาผมจะเขียนมาเล่าให้ฟังครับ


3. สรุป


เรื่องราวที่ทางบริษัท ปตท. จำกัด “อ้างถึง” และ “ชี้แจงมา” ก็มีเท่านี้แหละครับ ผมไม่อยากแสดงความเห็นใดที่มากกว่านี้ ขอให้เป็นดุลยพินิจของท่านผู้อ่านและผู้บริโภคพลังงานก็แล้วกันครับ


ศาสตราจารย์ นอม ชอมสกี นักวิชาการนามก้องโลกจากเอ็มไอทีได้แสดงความเห็นสั้นๆ ว่า “นักวิชาการมีหน้าที่สองอย่าง คือพูดความจริงและชี้ให้เห็นการโกหก”


ถ้าจะมีหน้าที่ที่สามก็ขอเพิ่มโดยอิงกับคำพูดของพลตรีจำลอง ศรีเมืองที่ว่า “มาทำบุญ” เข้าไปอีกสักข้อก็แล้วกัน


ผมมีแค่นี้เองครับ


บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
กลไกการควบคุมระบบพลังงานของโลกเรื่องพลังงานเป็นเรื่องใหญ่และเชื่อมโยงกันหลายมิติหลายสาขาวิชา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจกันในช่วงเวลาอันสั้นและจากเอกสารจำนวนจำกัด ในที่นี้ผมจะเริ่มต้นนำเสนอด้วยภาพการ์ตูนและข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นเราจะเข้าใจทันทีว่า (๑) ทำไมกลุ่มพ่อค้าพลังงานทั้งระดับประเทศและระดับโลกจึงมุ่งแต่ส่งเสริมการใช้พลังงานฟอสซิลที่ใช้หมดแล้วหมดเลย ซึ่งได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตไฟฟ้า (๒) ทำไมพลังงานจากธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดหรือหมดแล้วก็สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ เช่น พลังงานจากพืช พลังงานลมและแสงอาทิตย์…
ประสาท มีแต้ม
๑ คำนำ: วิธีการศึกษา-วิธีการเคลื่อนไหว ภาพถ่ายข้างบนนี้มาจากภาพยนตร์สารคดีด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง “ความจริงที่ยอมรับได้ยาก (An Inconvenient Truth)” ที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์ (Oscars award) ไปหลายรางวัลเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๐   ในภาพมีเรือหลายลำวาง(เคยจอด)อยู่บนทรายที่มีลักษณะน่าจะเคยเป็นคลองมาก่อน   นอกจากจะสร้างความฉงนใจให้กับผู้ชมว่ามันเป็นไปได้อย่างไรแล้ว    ยังมีประโยคเด็ดที่ได้รับการอ้างถึงอยู่บ่อย ๆ ของกวีชาวอเมริกัน [1] มีความหมายเป็นไทยว่า “เป็นการยากที่จะทำให้ใครสักคนหนึ่งเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง…
ประสาท มีแต้ม
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้สัมภาษณ์หลังจากทราบว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ว่า “พลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นสำหรับการจัดหาพลังงานในระยะยาวของประเทศ ขณะนี้ทั่วโลกก็กำลังกลับมาหาพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน” (มติชน,19 กันยายน 50) ในตอนท้ายรัฐมนตรีท่านนี้ได้ฝากถึงนักการเมืองในอนาคตว่า“อยากฝากถึงพรรคการเมืองต่างๆ ด้วยว่าหากจะมีการกำหนดนโยบายอะไรออกมาขอให้ดูผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และต้องดูถึงผลระยะยาวด้วย เรื่องนิวเคลียร์ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 14 ปี แต่รัฐบาลมีอายุการทำงานเพียง 4 ปีเท่านั้น”…