Skip to main content

เช้าตรู่ของวันอากาศดี

เสียงตามสายประกาศให้สมาชิกสหกรณ์การเกษตร เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันตอนบ่ายโมงตรง ณ ศาลาของหมู่บ้าน


พอบ่ายโมงครึ่ง สมาชิกสหกรณ์ฯ ก็มากันพร้อมหน้า

เจ้าหน้าที่สหกรณ์มากันสามคน คนที่ดูอาวุโสกว่าใคร พูดมากกว่าใคร และเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าใคร เป็นหัวหน้า


ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมได้รับกระดาษคนละหนึ่งแผ่น ปากกาคนละหนึ่งด้าม อ่านดู ก็เห็นว่าเป็นแบบฟอร์มสำรวจเรื่อง “ความพอเพียงในครัวเรือน”


เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ทางสหกรณ์ฯ จะทำการสำรวจเรื่องความพอเพียง เพื่อจะได้จัดทำโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สมาชิก โดยเน้นเรื่องความพอเพียง และการพึ่งตนเอง

 

แบบสอบถามนั้นอยู่ไม่กี่คำถาม ไม่ยากต่อการตอบ คำถามส่วนใหญ่ถามเรื่องความรู้ ความเข้าใจเรื่องความพอเพียง คำถามบางข้อเป็นเรื่องการครอบครองที่ดินและการประกอบอาชีพ คำถามบางข้อถามเรื่องการกู้ยืมที่ทำกับสหกรณ์ฯ


จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พูดถึงหัวข้อการประชุมในวันนี้ซึ่งได้แก่ วัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่มเกษตรกร แนวคิดเรื่องการพึ่งตนเอง โครงการที่สหกรณ์ฯ คาดว่าจะดำเนินการ และการแจ้งประเภทของที่ดินในครอบครองของตน เพื่อที่สหกรณ์ฯ จะได้จัดเก็บเป็นฐานข้อมูล

...ชาวบ้านน่าจะรู้และเข้าใจเรื่องความพอเพียงกันดีอยู่แล้ว เพราะชาวบ้านอยู่กันแบบพอเพียงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ข้าราชการอย่างเราๆ พอเพียงไม่ได้ เพราะข้าราชการมีสังคม เลยต้องจ่ายเยอะ อยากจะพอมันก็พอไม่ได้เสียที...”

คนที่เป็นหัวหน้า พูดอย่างยอมรับความจริง เรียกเสียงฮาจากชาวบ้าน


หัวหน้าเล่าว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางสหกรณ์ฯ ก็ได้จัดโครงการไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยพาชาวบ้านส่วนหนี่งไปดูงานที่จังหวัดใกล้ๆ และจัดให้มีการอบรมเรื่องการทำผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในครัวเรือน เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า ด้วยตนเอง ซึ่งดำเนินไปด้วยดี มาคราวนี้ก็จะจัดโครงการต่อเนื่องเพื่อขยายความรู้ความเข้าใจออกไปอีก


หัวหน้าถามว่า

...ใครอยากจะไปดูงาน หรืออยากจะเข้าอบรมตามที่สหกรณ์ฯ จัดบ้าง? ...”

ชาวบ้านยกมือกันพรึ่บ

เจ้าหน้าที่ยิ้มหน้าบาน

ชาวบ้านแอบกระซิบกัน

...ใครก็อยากไปทั้งนั้นแหละ เที่ยวฟรี กินฟรี…”

 

คุยเรื่องความพอเพียงได้ประมาณสิบห้านาที หัวหน้าก็ให้ประธานกับรองประธานกลุ่มเกษตรกรของหมู่บ้านขึ้นมาพูดเรื่องการรวมกลุ่ม,ผลประโยชน์ของการรวมกลุ่ม และ การกู้ยืมปุ๋ย-ยา


แล้วประธานกลุ่มก็พูดเข้าเรื่อง การกู้-ยืมเงินสหกรณ์ อันเป็นเป้าประสงค์หลักของการรวมกลุ่มของชาวบ้าน ประธานฯ พูดเรื่องหลักเกณฑ์ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของสมาชิกเก่า-สมาชิกใหม่ ระเบียบบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ


เมื่อประธานชี้แจงจบก็มีชาวบ้านคนหนึ่งลุกขึ้นถาม

...มีคนเขามาคุยว่า เขาเข้าเป็นสมาชิกแค่ปีเดียวก็กู้ได้ดอกเบี้ยแค่ 7 เปอร์เซนต์ต่อปี ฉันก็อยากถามว่าทำไมเขาถึงได้ ฉันเป็นสมาชิกมาตั้งหลายปี ยังไม่ได้ดอกเบี้ย 7 เปอร์เซนต์เลย...”


หัวหน้ารีบขอไมโครโฟนจากประธานมาชี้แจง

...เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ คนที่กู้ได้ดอกเบี้ย 7 เปอร์เซนต์ต้องเป็นลูกค้าชั้นดีเท่านั้น คือต้องเป็นสมาชิกมาไม่น้อยกว่า 5 ปี กู้ไม่น้อยกว่าสามครั้งและส่งต้นส่งดอกครบถ้วนไม่เคยผิดนัด คือสหกรณ์ฯ เราจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ว่า...”


หัวหน้าอธิบายอีกยืดยาว ก่อนจะหันไปถามว่าเข้าใจหรือไม่ คนถามพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

ใครมีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” หัวหน้าถาม

คราวนี้ยกมือกันพรึ่บ

...ปีที่แล้วกู้เงินสหกรณ์มาลงทุนเลี้ยงหมู แต่หมูราคาตกขาดทุนไปหลายแสน ยังไม่มีเงินส่งสหกรณ์ฯ เลย ทำยังไงดี...” ป้าช้อย อดีตคนมีเงิน โอดครวญ

...ปุ๋ยตราหมีแดงที่สหกรณ์ฯ ให้กู้มาหว่านข้าว ปีที่แล้วหว่านแล้วข้าวออกรวงดกดี แต่มาปีนี้ ข้าวออกน้อยไปตั้งครึ่ง จะทำยังไงดี กลัวจะเป็นปุ๋ยปลอมนะเนี่ย...” ตาเหลิม ชาวนาเต็มขั้น โวยบ้าง

...ตอนแรกข้าวราคาดี ก็ทุ่มเต็มที่เลยกะว่าจะได้ปลดหนี้บ้าง ตอนนี้ราคาตกมาแล้ว กลัวจะขายข้าวแล้วไม่มีเงินใช้หนี้ สหกรณ์ฯ จะผ่อนผันหนี้ได้บ้างหรือเปล่าล่ะ ...” ลุงมั่น คนขยันถาม

ทีนี้ใครต่อใครก็มีคำถามอยากจะถามสหกรณ์ฯ บ้าง

ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องการกู้ยืม และดอกเบี้ย

 

เป็นเวลาอีกกว่าสี่สิบห้านาทีที่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ต้องช่วยกันชี้แจงเรื่องการกู้ยืม การชำระหนี้ การผ่อนผัน ฯลฯ แต่มีเรื่องต้องอธิบายมากมายเหลือเกิน หัวหน้าจึงตัดบทว่า ถ้าใครมีปัญหาต้องการคำชี้แจงก็ขอเชิญไปได้ที่ ที่ทำการสหกรณ์ฯ ตลอดเวลา


เมื่อจบการประชุมก็ใช้เวลาไปเบ็ดเสร็จชั่วโมงครึ่ง

ชาวบ้านช่วยกันเก็บเก้าอี้ เจ้าหน้าที่เก็บแบบสอบถาม

 

ศาลาว่างเปล่า เหลือแต่ตาผวนกับลุงใบ นั่งสูบยาเส้นคุยกัน

ปีนี้ได้กู้สหกรณ์ฯ หรือเปล่า” ลุงใบถาม

ตาผวนส่ายหน้า

ไม่กู้แล้ว...ข้าเพิ่งใช้หนี้หมดเมื่อปีที่แล้วนี่เอง”

แล้วจะทำอะไรต่อ”

ตาผวนหัวเราะหึๆ พ่นควันฉุย

ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เป็นหนี้”

อยู่ว่างๆ ก็ไป...” ลุงใบชี้ไปทางที่ทำการสหกรณ์ฯ “เข้าโครงการพอเพียงกับเขาสิ ใครๆ เขาก็เข้ากัน ”

แล้วเอ็งไม่ไปเข้าโครงการกะเขาด้วยล่ะ”

ลุงใบส่ายหน้า

ลูกมันบอกให้หยุดทำได้แล้ว มันจะหาเลี้ยงเอง”

 

ตาผวน นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก็หันมาถาม

เออ...ไอ้ที่ว่าพอเพียงนี่...หมายความว่า เราต้องพึ่งตัวเอง ต้องไม่ก่อหนี้ใช่หรือเปล่าวะ?”

ก็คงจะอย่างนั้น”

ตาผวนได้ฟังก็ขำก๊าก ลุงใบฉงน ถามว่าขำอะไร

มันจะพอเพียงกันได้ยังไง เมื่อกี้ สหกรณ์ฯ เขาก็มาส่งเสริมให้กู้ให้ยืม ไอ้ที่รวมกลุ่มกันนั้นก็หาเรื่องกู้ยืมทั้งนั้น แล้วที่สำคัญ...”

ตาผวนพูดไปหัวเราะไป

 

คนบ้านเราแต่ละคน...หนี้รุงรังยังกับลูกมะยม”

บล็อกของ ฐาปนา

ฐาปนา
เมื่อแรกแรกที่มีข่าวว่าโรคนี้เกิดขึ้นในโลก ใครใครก็พากันเรียกชื่อมันว่าไข้หวัดหมู เพราะว่ากันว่ามันเป็นโรคของหมูที่ดันมาติดคน(ถ้าหากมีโรคของคนไปติดหมูไม่รู้จะเรียกว่าไข้หวัดคนด้วยหรือเปล่า) แต่ต่อมาเขาไม่อยากให้เรียกไข้หวัดหมู เพราะเกรงว่าจะเป็นการใส่ร้ายหมูซึ่งไม่มีความผิด และจะทำให้หมูทั่วโลกพลอยถูกรังเกียจ แต่คงไม่ใช่ความกลัวว่าหมูจะประท้วง เพราะถึงอย่างไรหมูก็มีสิทธิ์อันชอบเพียงอย่างเดียวคือสิทธิ์ในการเป็นอาหารของมนุษย์ ไม่สามารถชูป้ายประท้วงหรือเขวี้ยงก้อนอิฐใส่ตำรวจปราบจลาจลได้แต่ประการใด
ฐาปนา
ไม่เคยมีใครถามถึงความยินยอมพร้อมใจของทั้งคู่เลยว่าอยากจะย้ายจากบ้านเกิดเมืองนอนที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยพวกพ้อง มาอยู่ในเมืองร้อนที่ห่างไกลหลายพันกิโลเมตร หรือไม่ ถึงจะมีคนถาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตอบได้ หรือแม้พวกเขาจะตอบว่า "ไม่อยากไป" แต่พวกเขามีสิทธิ์ปฏิเสธละหรือ ? ...
ฐาปนา
10 คำถามตั้งต้น เพื่อทำความเข้าใจมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า "นักลงทุน"1. จากคำพูดของนักธุรกิจการเมืองที่มักจะอ้างถึง"ความเชื่อมั่นของนักลงทุน" อยู่เสมอ น่าสงสัยว่านักลงทุนจะเป็นมนุษย์ประเภทขาดความเชื่อมั่น มากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป หรือไม่?ตอบ ไม่มีใครทราบ แต่ถ้าสันนิษฐานอย่างไม่มีฐานอ้างอิง การลงทุนก็จำเป็นต้องใช้ความเชื่อมั่นไม่น้อยไปกว่าการพนัน ทว่าในแง่ของเหตุผลน่าจะมากกว่า เพราะการพนันจะใช้ปัจจัยด้านอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ ขณะที่การลงทุนจะต้องใช้เหตุผล ตัวเลข ตัวแปร เอกสารต่างๆ มากมายก่อนการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยขั้นตอนซับซ้อน…
ฐาปนา
ลุงอู๋ ผู้ใหญ่บ้านประกาศเรียกประชุมชาวบ้านหมู่สิบสองตั้งแต่เช้าตรู่ เสียงประกาศนั้นเน้นย้ำนักหนาว่า หนึ่งทุ่มตรงวันนี้ทุกคนต้องไปร่วมประชุมให้ได้ เพราะนี่คือเรื่องความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้าน และีทุกคนจะได้ประโยชน์ โชคดีที่วันนั้น เป็นช่วงว่างจากการทำไร่ ทำนา ที่สำคัญ ละครสุดฮิตที่ชาวบ้านติดกันก็เพิ่งจะจบลงไป พอตอนค่ำ ชาวหมู่บ้านจึงมาประชุมที่ศาลาอย่างหนาตา
ฐาปนา
ลุงเหมือน อดีตทหารผ่านศึก คนปลูกแตงโมมือวางท้อปไฟว์ประจำหมู่บ้าน นั่งมองไร่แตงโมอย่างสบายอารมณ์ปีนี้แตงโมราคาดีไม่น้อย พ่อค้ามารับซื้อหน้าไร่กิโลกรัมละสิบห้าถึงยี่สิบห้าบาท ยิ่งลูกใหญ่ยิ่งได้ราคา มดแมลงก็ไม่ค่อยจะกวนเท่าไร ลุงเหมือนกะว่าปีนี้คงได้เงินจากแตงโมสักห้าหกหมื่น แล้วจากนั้นจะได้ปลูกกะเพรา โหระพา ใบแมงลัก แบบ "พอเพียง-เพียงพอ" บ้าง
ฐาปนา
ยายช้อย คนเคยรวย ชีวิตเปลี่ยนไปมาก หลังจากเป็นหนี้สหกรณ์ฯ หลายแสน ก็ใครจะไปคิดเล่า อยู่ๆ เคยเลี้ยงหมูได้กำไรทีละเป็นแสน จู่ๆ หมูราคาตก กำไรที่คาดหวังเลยเข้าเนื้อแทน เมื่อทนทำต่อไป ยิ่งทำก็ยิ่งขาดทุน ทุนหายกำไรหด จนกลายเป็นหนี้ ถึงที่สุดก็ต้องหยุดเลี้ยง ยายช้อยผู้เคยเดินชูคอสั้นๆ ป้อมๆ ของแกไปทั่วหมู่บ้าน ในฐานะเมียอดีตกำนันหลายสมัย มาบัดนี้ กลับไม่สง่าผ่าเผยเป็นคุณนายกำนันเหมือนเดิมอีกแล้ว
ฐาปนา
เกษตรทางเลือก เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน เกษตรแนวใหม่ ฯลฯ ล้วนแต่น่าสนใจ และกำลังเป็นทางเลือกสำหรับการทำการเกษตรในอนาคตทว่า ชาวบ้านจำนวนมากก็ยังคงรู้จักอยู่แค่อย่างเดียวคือ เกษตรเคมี ฟังดูอาจจะขัดกับความรู้สึกของคนชั้นกลางจำนวนหนึ่ง ที่กำลังอินกับกระแสรักสุขภาพ แต่ก็โปรดรับรู้เถิดว่า ผักที่ท่านซื้อจากตลาด(ไม่ว่าจะติดแอร์หรือไม่ก็ตาม) เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ล้วนมีสารเคมีทั้งสิ้น  มากบ้างน้อยบ้างตามประเภทของผัก และตามปริมาณการใช้ของผู้ปลูก
ฐาปนา
ผมยังจำได้ดี ภาพของชายวัยเจ็ดสิบนั่งอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ คร่ำเคร่งอยู่กับการจิ้มนิ้วไปบนแป้นพิมพ์ดีด ขณะที่ข้างกายมีถังอ๊อกซิเจนขนาดใหญ่ต่อสายยางยาวมาสู่จมูกเป็นภาพที่ชวนให้ครั่นคร้าม ไม่น้อยไปกว่าชื่อเสียงเรียงนามในฐานะตำนานที่ยังมีชีวิตเจ้าของบ้านหันมาบอกให้รอประเดี๋ยว เดี๋ยวจะไปนั่งคุยด้วย ผู้นำทางจึงกระซิบให้ลงไปนั่งรอที่ห้องรับแขก
ฐาปนา
ชีวิตชาวนาชาวไร่ สินค้าที่ใช้ ร้อยละเก้าสิบเก้าหนีไม่พ้นซื้อจากร้านค้าในหมู่บ้าน นานๆ จะได้เข้าตลาดในอำเภอ หรือ ห้างใหญ่ในตัวจังหวัดเสียที ก็ของใช้จำเป็นอย่าง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยาสระผม ฯลฯ มันเป็นของประเภท ที่ไหนก็มี ซื้อที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ราคาอาจถูกแพงกว่ากันบ้างไม่กี่บาท น้อยรายที่สนใจรักสวยรักงามถึงขนาดต้องใช้เครื่องสำอางค์ราคาเป็นร้อยเป็นพัน หรือ สินค้าเกรดเอ คุณภาพเกินร้อยอย่างที่เขาชอบโฆษณา
ฐาปนา
หลายปีที่ผ่านมา พื้นที่การเกษตรขยายตัวอย่างช้าๆ จากพื้นที่ดินเค็มหรือพื้นที่ดอนอันแห้งแล้งก็แปรเปลี่ยนเป็นที่สวน ที่ไร่ ที่นา เมื่อพื้นที่ขยายตัวไปมาก คลองส่งน้ำก็ถูกขุดต่อไปจนถึงพื้นที่ บางแห่งคลองไปไม่ถึงก็ขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน เพื่อจะพลิกฟื้นผืนดินไร้ชีวิตให้กลับมามีชีวิตให้ได้อัตราเร่งเพิ่มขึ้น เมื่อราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ข้าว" มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ดินรกร้าง ที่ป่ารกเรื้อ ถูกรถไถจัดการเสียเรียบเตียน ไม่กี่วันก็พร้อมสำหรับการเพาะปลูก คลองส่งน้ำสายใหม่(เทคอนกรีต) ที่จะถูกต่อมาจากลำคลองสายหลักอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เสียงรถเกรดดิน รถบรรทุก รถบด…
ฐาปนา
กลางเดือนกุมภาพันธ์ ดูเหมือนแดดจะแผดแสงก่อนที่ดวงตะวันจะขึ้นเสียอีก ความร้อนแห่งวันเริ่มต้นพร้อมกับเสียงไก่ขัน เด็กๆ ไปโรงเรียน ผู้ใหญ่ก็จับจอบจับเสียมเตรียมตัวไปไร่  หลังจากฤดูหนาว(กว่าปกติ)ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หน้าร้อนปีนี้ ก็เข้าแทนที่อย่างแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ชีวิตคนใต้ท้องฟ้า จะร้อนจะหนาวแค่ไหนก็ได้แค่บ่น แล้วก็ทนๆ กันไป กระนั้น ความร้อนตามทุ่งนา ป่า เขา ก็ยังพอมีร่มให้หลบ มีลมเย็นพัดโชยให้คลายได้บ้าง
ฐาปนา
แสงสีแดงพาดผ่านท้องฟ้าสีดำ เหนือดินแดนปาเลสไตน์เหนือหมู่ตึกอันแออัดและทรุดโทรม ลูกเหล็กบรรทุกดินระเบิดพุ่งปะทะคอนกรีตหนึ่งลูก สองลูก สิบลูก ร้อยลูก พันลูก หมื่นลูก แสนลูก ล้านลูก