Skip to main content

 

ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่

๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
\\/--break--\>
๐ ถ้าลูกเห็นอะไรที่ชอบ ลูกจะยิ้ม โน้มตัวเข้าหา ถ้าชอบมากก็จะมีเสียงตั้งแต่ครางในลำคอด้วยความพอใจ ไปจนถึงเสียงคุยอือๆ อาๆ ในระดับสบายหู แต่ถ้าชอบมากๆๆ จนต้องให้เอบวก ลูกจะร้องกรี๊ดอย่างกับดูคอนเสิร์ตพร้อมขยับแขนขา สีหน้าและแววตาที่ใครเห็นก็ต้องหัวเราะ และสิ่งที่ทำให้ลูกชอบมาก มักเป็นสัตว์ ไม่ว่า หมา แมว ลูกแมว วัว ควาย นก ไก่ เป็ด เมื่อไหร่ที่ลูกเห็น ลูกจะยิ้มร่าและร้องกรี๊ดกร๊าด ถีบขาจะไปหาพวกมัน แต่พวกมันมักพากันเดินหนี ก็ แหม.. ลูกเสียงดังขนาดนั้นเหมือนไล่มันมากกว่าคำว่า สวัสดีนะ พรรคพวก

๐ ถ้าลูกง่วงนอน ลูกจะเอามือสีตา ถูหน้า แต่ว่าบางครั้งลูกก็เอามือถูหน้าแม้ไม่ได้ง่วงนอน นั่นเป็นเพราะข้าวบดที่แม่ป้อนให้เข้ารูจมูกลูก (ลูกคงรู้สึกคัน จักจี้ หรือรำคาญ) จนป่านนี้แล้วแม่ก็ยังป้อนข้าวให้ลูกไม่เก่ง ป้อนทีไร หน้าลูกเลอะเทอะประจำ (ก็ลูกซนน่าดู ยิ่งนานวันยิ่งอยากเรียนรู้ หันโน่นหันนี่ ใครจะตามทัน) เมื่อไหร่ที่ข้าวบดเข้ารูจมูกลูก พ่อจะบ่นว่าแม่(ประจำ) แล้วไปเอาก้านสำลีชุบน้ำเช็ดรูจมูกให้ลูก

๐ ถ้าลูกทำเสียงครางในลำคอเมื่อไหร่ อาจเป็นไปได้ว่า ลูกกำลังจะเบ่งฉี่หรืออึ ให้คนอุ้มรีบรู้ตัว แต่ส่วนใหญ่มักไม่มีใครขยับหนีได้ทัน ลูกมักจะฝากรักให้คนอุ้มไปอย่างยินดีปรีดา (ความปรีดาของลูก แต่คนเปียกฉี่ไม่รู้จะปรีดาด้วยไหม)

๐ ถ้าลูกหิวนม และลูกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ ลูกจะไหลตัวลงต่ำให้พอดีกับอกแม่และเอาหัวมุดๆ แม่จะรู้ว่าลูกหิวนมแล้ว ดังนั้น แม่จะปรับท่านั่งและวางลูกให้เหมาะๆ พร้อมกับเปิดเสื้อ ระหว่างนั้นลูกจะอ้าปากหวอ ทำเสียง ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เหมือนหมาหอบแฮ่กๆ ท่าทางลูกหิวโหยเสียเต็มประดา แม่อดไม่ได้ต้องขอค่ากินนมเป็นหอมแก้มหนึ่งฟอด

๐ เวลาที่แม่ทำงาน และลูกอยู่ในการดูแลของคนอื่น เมื่อลูกมองไม่เห็นแม่ สักพักลูกจะเริ่มโยเย พ่อหรือน้าอาที่ช่วยอุ้มจะพาลูกเดินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่กระนั้น เมื่อลูกไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว ลูกจะเอียงตัวไปหาแม่ ยามแม่เสร็จงานแล้วและเดินมาหา ลูกจะดีใจมาก ท่าดีใจของลูกก็คือ ลูกจะกางสองแขนขึ้นกระพือพั่บๆ เหมือนปีกนก พร้อมยิ้มกว้างจนตาหยี

๐ เวลาที่ลูกมีความสุข สบายอุรา ลูกมักจะจับหัวแม่เท้าขึ้นมาอมเล่น อมไปก็ร้องอือๆ อาๆ ไป บางทีถ้าแม่ให้นมลูก ระหว่างที่กินไป ลูกจะยกขาข้างหนึ่งขึ้น อีกมือก็ไขว่คว้าหาหัวแม่เท้า เมื่อเจอแล้วลูกก็จะจับเล่น ดึงขึ้นดึงลง โยกซ้ายโยกขวา (โดยที่มือไม่ปล่อย) ขณะที่ปากของลูกก็ปฏิบัติการดูดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ละไม่คาย แต่ถ้าเป็นตอนนอน ลูกจะนอนกลิ้งไปมา ร้องเพลงด้วยการส่งเสียงอือๆ อาๆ สูงๆ ต่ำๆ ถ้ามีของเล่นก็เอาเข้าปาก ถ้าไม่มีของเล่น ลูกก็ยกหัวแม่เท้ามาอมอย่างเจริญใจ

๐ อีกอย่าง เวลาที่ลูกมีความสุขและแม่รับรู้ได้ก็คือ ถ้าลูกนั่งห้อยเท้า (เช่นว่า แม่อุ้มลูกนั่งบนตักขณะที่แม่หย่อนตัวนั่งกับชิงช้าหรือเปล แล้วปล่อยให้เท้าของลูกห้อยลง หรือบางที แม่จับลูกนั่งบนจักรยานที่จอดนิ่งๆ โดยประคองตัวลูกไว้) ลูกจะแกว่งเท้าเล่นไปมา อาการแกว่งเท้า ทำให้แม่คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ยามเพลิดเพลิน แม่ก็ชอบแกว่งเท้า (ไม่หาเสี้ยน) เล่น

๐ เมื่อวานนี้ แม่พาลูกนอนเปลด้วยกัน ลูกนอนแหมะบนอกแม่ แม่โยกเปลเบาๆ แม่ร้องเพลงโบราณอย่าง อยุธยาเมื่อเก่าของเราแต่ก่อน... ลูกก็ร้องวาๆ อาๆ อืออออือออ ตามตลอดเพลง หน้าตาเบิกบาน แม่เดาเอาว่าลูกร้องเพลงตามแม่

๐ เวลาที่ลูกสนุก ลูกจะเอามือตบกับวัตถุใกล้ตัว แปะๆ ถ้าเป็นพื้นก็ตบพื้น ถ้าเป็นของเล่น ก็ตบของเล่น แต่ถ้าอยู่กับแม่ ลูกจะเอามือตีขาแม่แปะๆ มือของลูกนุ้ม นุ่ม แม่อยากให้ลูกตีขาแม่ทั้งชาติเลย

๐ ลูกเริ่มอ้อนเป็นแล้ว หลายวันก่อน ขณะแม่กำลังมองลูกคืบไปข้างหน้าเล่นโน่นนี่ จู่ๆ ลูกหันมามองแม่ ลูกก็หมุนตัวคืบดื๊บๆ มาหาแม่ และยันเข่าลุกนั่ง สองมือไขว่คว้าจะหาแม่ แม่บอกว่า มาหาแม่เอง ตาน้ำ ลูกยันเข่ากับสองมือ (ลูกกำลังหัดคลาน) เข้ามาใกล้แม่ แล้วลูกก็ล้มตัวกับเข่าแม่ เอาหน้าซบขาแม่ นอนเล่นอย่างนั้น ยิ้มหวาน

๐ เวลาที่แม่กินอาหารและลูกเห็น ลูกจะทำปากขมุบขมิบตาม นั่นแปลว่าลูกอยากกินด้วย บางที ถ้าอยากกินมาก ลูกจะแลบลิ้นแผล็บๆ (เห็นทีไรก็ได้หัวเราะทุกที) และถ้าแม่กำลังอุ้มลูกอยู่ ลูกเห็นแม่เคี้ยว ลูกจะอ้าปากและเอียงหน้ามาจุ๊บกับปากแม่ (ช่างเหมือนพวกลูกนกลูกกาเสียจริง) เสียใจด้วย ตาน้ำ ลูกยังเล็กเกิน กินอาหารได้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ

๐ เขาว่าเด็กมักไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่แม่ว่าลูกน่ะไม่รู้หนาว แต่รู้ร้อน ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่แม่ห่มผ้าให้ลูกมากเกิน ลูกร้อน ลูกจะทำหน้าหงุดหงิด (ทั้งที่ยังหลับ) พร้อมกับปัดผ้าห่มหรือถีบผ้าห่มออก และถ้าแม่ยังไม่เชื่อ ลูกก็จะมีเหงื่อ เอาผดมาโชว์ให้แม่ดูเสียเลย แต่แม่ก็กลัวลูกจะหนาวนี่นา เพราะอากาศหนาวทำให้ไม่สบายได้ แต่อากาศร้อนมักไม่ค่อยเห็นใครเป็นอะไร แม่ถือคติอย่างนี้ แม่ก็เลยห่มผ้าให้เยอะไว้ก่อน

ตาน้ำ
วันนี้ลูกอายุครบ ๗ เดือน ลูกเริ่มรู้ความ เริ่มรู้สุข รู้ไม่สุข ชอบ ไม่ชอบ แม่เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวลูก รู้ว่าลูกมีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น ลูกสื่อสารมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าแม่จะเข้าใจลูกไปหมดทุกเรื่อง มีอยู่มากมายที่แม่แปลความหมายของลูกไม่ออก อย่างเช่นเวลาลูกกินนม จู่ๆ ลูกจะเงยหน้ามามองแม่ จ้องไม่กระพริบตา แล้วก็หันไปดูดนมต่อ แล้วก็เหมือนนึกได้ ลูกจะหยุดและหันมามาแม่แป๋วแหวว มองอย่างตั้งอกตั้งใจ และกลับไปกินต่อ แล้วก็หันมามองอีก ทำอย่างนี้ซ้ำๆ สี่ห้าครั้ง จนแม่สงสัยว่าลูกคิดอะไรอยู่นะ แต่มีบางทีเหมือนกันที่ลูกจะมองแม่แล้วหัวเราะชอบใจ

ตาน้ำ การสื่อสารของลูกไม่ได้มีแค่แม่ แม่รู้ว่าลูกกำลังสื่อสารกับธรรมชาติและรับสารจากธรรมชาติด้วย บ่อยครั้งที่แม่เห็นลูกเงี่ยหูฟังบางสิ่งบางอย่างอย่างตั้งใจ บางครั้งเป็นช่วงกินนม บางครั้งเป็นช่วงเล่นของเล่น จู่ๆ ลูกจะหยุดและนิ่ง ไม่สนใจกิจกรรมที่ตัวเองทำอยู่ แม่ก็จะนิ่งตาม ไม่นานนัก แม่จะได้ยินเสียงนั้น เสียงลมพัด เสียงรถยนต์แล่นมาแต่ไกล (ในความเงียบ ยามรถยนต์แล่นมาแต่ไกล มันคล้ายเสียงประหลาดจากนอกโลก) เสียงน้ำฝนหล่นบนหลังคา เสียงใบไม้แห้งกลิ้งบนพื้น เสียงเหล่านี้ลูกจะหยุดฟังอยู่นานจนแล้วใจลูกถึงจะดำเนินกิจกรรมของลูกต่อ
แม่ดีใจนะ ที่ลูกได้ซึมซับเอาสิ่งเหล่านี้ไว้ แม่รู้สึกเสมอว่าเสียงลม เสียงฝน เสียงใบไม้ มันเป็นเสียงที่ชุ่มฉ่ำหัวใจ เสียงของความเงียบราวกับโลกยุคดึกดำบรรพ์ที่แม่ใฝ่หา

อยู่กับสิ่งเหล่านี้ก่อนนะลูก เพราะไม่นานนักหรอก โลกของการเรียนรู้ก็จะพัดลูกไปสู่เมืองเอง ถึงวันนั้น แม่ก็หวังลูกจะมองเห็นว่าการที่เราได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ช่างเป็นคุณค่าเลิศล้ำของชีวิต

แม่สร้อย
๑๒ มกราคม ๒๕๕๓

ปล. ขอบคุณมากนะคะ สำหรับการโพสท์ทักทาย ถามไถ่ ให้คำแนะนำ อ้ายแสงดาว ภู น้ำฝน ภูสีคราม กา’เกต์ น้องปู และทุกๆ คน ฉันไม่ค่อยได้เข้าเน็ตบ่อยเท่าไหร่ ใช้เน็ตมือถือค่อนข้างช้า (สัญญาณมีขีดเดียว บางทีก็หาย) ยิ่งเลี้ยงลูก เวลาว่างน้อยน่ะจ้ะ แต่อยากบอกขอบคุณมากๆ นะ เสียงของทุกคนทำให้แม่มือใหม่ (แต่แก่) มีกำลังใจมากค่ะ

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน