Skip to main content

เรื่องต่อไปนี้สะท้อนความเป็นไปในระบบการศึกษาไทยได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าอนาคตของเราฝากไว้ที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่น้อยเลยทีเดียว   หากอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ คณะดังๆ เพื่อหวังว่าจบมาจะหางานทำง่ายๆ คงรู้กันว่าต้องเตรียมตัวสอบเข้าให้ได้ เลยเกิดโรงเรียนกวดวิชาขึ้นมามากมายทั้งในกรุงเทพฯและเริ่มขยายออกไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในจังหวัดต่างๆ จนตอนนี้โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งมีสาขาเป็นร้อยแล้ว   คนที่เข้าไปเกี่ยวพันกับการกวดวิชาแต่ละปีก็มีเป็นหมื่นย่อมต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ๆ เพราะบางทีก็แย่เน้นแต่เรื่องหาผลกำไร มากกว่าความมุ่งหวังในการเผยแพร่แก่ผู้คนไปแล้วนั่นเอง   ดังเช่นน้องคนนี้ที่ได้เข้ามาปรึกษาว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการกวดวิชาอย่างไรดีครับ

“ข้าพเจ้าสมัครเรียนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษที่สถาบันแห่งหนึ่ง ที่มีค่าสมัครเรียนในห้องสอนสดกับอาจารย์ตัวเป็นๆแพงกว่าคอร์สที่เรียนกับ ดีวีดี พอมาถึงวันหนึ่งซึ่งก็เป็นวันที่ข้าพเจ้ามาเรียนตามปกติ แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่ามีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งมานั่งเรียนที่นั่งของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจึงไปแจ้งกับพนักงาน พนักงานจึงบอกให้ข้าพเจ้าไปเรียนอีกห้องหนึ่งแทนซึ่งเป็นห้องถ่ายทอดสด จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ และคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสมัครเรียนครั้งนี้ เพราะข้าพเจ้าได้สมัครเรียนในคอร์สที่มีอาจารย์สอนสด แต่กลับมานั่งเรียนในห้องที่มีการถ่ายทอดการเรียนการสอนทางทีวีที่ถ่ายทอดสดแทน  ในเหตุการณ์ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้แต่ทำตามที่พนักงานบอกหากไม่ทำตามจะเกิดความวุ่นวาย ต้องเคลื่อนย้ายที่ อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่รวมถึงอาจารย์ที่สอนด้วย ข้าพเจ้ามองเห็นถึงปัญหานี้จึงได้เสียสละประโยชน์ที่ข้าพเจ้าควรได้รับในครั้งนั้น โดยคิดวาคงเป็นเหตุจำเป็นครั้งนี้ครั้งเดียวและข้าพเจ้าอาจจะพลาดเพราะมาสายทำให้มีคนมานั่งแทน

พอมาถึงอาจารย์เริ่มสอนแล้ว ถ้าเข้าไปเรียกให้คนที่นั่งลุกขึ้นอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เจอสายตาคนนับร้อยในห้องจ้องก็ไม่ดี                สัปดาห์ถัดมาเมื่อข้าพเจ้าไปที่ห้องก็เห็นคนอื่นมานั่งแทนที่ของข้าพเจ้าอีก จึงเดินเข้าไปบอกแล้วเขาก็ลุกออกไป แต่ก็ทำให้มีปากเสียงกันนิดหน่อยจนพลอยเสียอารมณ์ในการเรียนวันนั้นไปเหมือนกัน   แต่ก็ยังดีกว่าเพื่อนของข้าพเจ้าที่โอนเงินมาเพื่อนสมัครเรียนในห้องสดแต่พอมาถึงวันเรียนกลับพบว่าห้องเต็มไม่ได้นั่งห้องสด ต้องไปติดตามขอเงินคืนและเปลี่ยนไปนั่งห้องวีดีโอแทน”

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนมาเล่าให้ฟังว่าโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังหลายที่เปิดคอร์สรับเด็กจำนวนมากเกินจนล้นห้อง ต้องนั่งเบียดแออัดกันมาก อากาศก็ไม่ถ่ายเท เวลาเข้าออกก็ต้องปีนป่ายให้ได้อายกันตลอดเวลา ไหนจะทางขึ้นลงห้องน้ำห้องท่าไม่สะดวก  จนแอบคิดกันว่าถ้าไฟไหม้ขึ้นมาคงโดนรมควันตายหมู่ในห้องเป็นแน่ เพราะเด็กคงแห่กันไปกระจุกตรงประตูทางออกแคบๆ จนเหยียบกันตายไม่ได้ออกไปแน่ๆเลย

นอกจากนี้ยังมีการประกาศรับรองผลการเรียนประเภทติดแน่ๆ คนนั้นก็เป็นศิษย์เก่า คนนี้ก็ใช่ เอารายชื่อคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยมาแอบอ้างว่าเคยเรียนกับที่นี่ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เรียนกับที่นี่ หรือบางคนเคยเรียนตอนเด็กๆ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโรงเรียนแห่งนี้ตอนมัธยมปลายเลยก็มี ซึ่งถือเป็นความหลอกลวงของโรงเรียนกวดวิชาด้วยการโฆษณาเกินความจริง

ซ้ำร้ายโรงเรียนกวดวิชาที่สอนกันเองบางแห่งแม้จะประกาศว่าได้รับการรับรองเป็นที่เชื่อถือ โฆษณาในโบรชัวร์ หรือติดป้ายประกาศ หรือโฆษณาในอินเตอร์เน็ตนั้น เมื่อเข้าไปตรวจสอบกันจริงๆ พบว่า บางแห่งเปิดสอนโดยไม่มีใบอนุญาต แต่ก็ยังมีคนมาเปิดสอนเถื่อนกันอยู่เรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก

วิเคราะห์ปัญหา

1. การจองที่นั่งในการกวดวิชาแล้วไม่ได้นั่งเรียนในคอร์สที่สมัครเรียนไป เรามีสิทธิเรียกร้องอะไรได้บ้าง

2. หากสมัครคอร์สสอนสดโดยจ่ายเงินไปแล้วแต่ไม่ได้เรียนจริง จะเรียกเงินคืน หรือดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

3. โรงเรียนกวดวิชาต้องดูแลความปลอดภัยและความสะอาดของสถานที่ด้วยหรือไม่

4. การโฆษณาเกินจริงของโรงเรียนกวดวิชามีความผิดหรือไม่

5. การเปิดโรงเรียนกวดวิชาโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตนั้นสามารถกระทำได้หรือไม่

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1. การจองที่นั่งในการกวดวิชาแล้วไม่ได้นั่งเรียนในคอร์สที่สมัครเรียนไป เรามีสิทธิเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จัดให้เรานั่งเรียนตามที่ทำสัญญาตกลงกันไว้ตั้งแต่การจ่ายเงินได้

2. หากสมัครคอร์สสอนสดโดยจ่ายเงินไปแล้วแต่ไม่ได้เรียนจริง ผู้บริโภคสามารถเรียกเงินคืน หรือดำเนินการเปลี่ยนคอร์สการเรียนและรับเงินส่วนต่างคืนได้ ตามที่ตกลงกับโรงเรียนกวดวิชาใหม่

3. โรงเรียนกวดวิชาต้องดูแลความปลอดภัยและความสะอาดของสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารที่มีการเปิดสอนและมีบุคคลเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก

4. การโฆษณาเกินจริงของโรงเรียนกวดวิชามีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค และกฎหมายอาญาตามนัยมาตรา 271 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการค้า โดยการหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณ สิ่งของนั้นอันเป็นเท็จ จะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

5. การเปิดสอนกันเองจำนวนน้อยในบ้านพักหรือสถานที่ต่างๆทำได้ตามความสมัครใจของสองฝ่าย แต่หากมีการเปิดโรงเรียนกวดวิชาโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตนั้นจะมีความผิดตามกฎหมายลูกของกระทรวงศึกษาธิการแต่มีโทษปรับเท่านั้น 

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1. ร้องเรียนปัญหาไปยังสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)

2. หากยังไม่มีการชำระหนี้ หรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)  (กรุงเทพฯ) หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้

3. ผู้บริโภคสามารถนำเรื่องไปฟ้องยังศาลแพ่งและพาณิชย์ แผนกคดีผู้บริโภคได้ ซึ่งจะมีขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดี รวมถึงไกล่เกลี่ยประนีประนอมที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค

4. การหลอกลวง ฉ้อโกงทางการค้า สามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

สรุปแนวทางแก้ไข

ใช้หลักนิติกรรมสัญญา และข้อสัญญาไม่เป็นธรรม สิทธิผู้บริโภค หากเราได้เรียนตามเงื่อนไขที่กำหนดก็เป็นการได้รับสิทธิตามสัญญา แต่การที่เพื่อนจ่ายน้อยกว่าแต่ได้เรียนในสภาพเดียวกันย่อมเป็นการใช้สิทธิเกินส่วนซึ่งโรงเรียนกวดวิชามีหน้าที่กวดขันให้เป็นไปตามเงื่อนไข อาจร้องต่อ สช. และ สคบ.ให้ตรวจการให้บริการของโรงเรียนกวดวิชา รวมถึงแจ้งความเป็นคดีอาญาต่อตำรวจได้

 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
การนำ คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 205/2549 มาตราเป็นพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร  โดยแฝงนัยยะของการสร้าง “รัฐทหาร” ด้วยการขยับขยายขอบเขตอำนาจแก่เจ้าหน้าที่ กอ. รมน.
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังสิ้นสุดยุคสมัยสงครามเย็น หนึ่งในมรดกตกทอดจากยุคนั้น ได้แก่ หน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทยที่มีอำนาจหน้าที่อย่างเข้มข้นในการเฝ้าระวัง สอดส่อง ควบคุมการสื่อสารและการกระทำต่าง ๆ ของประชาชนที่ผู้มีอำนาจเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และส่งผลเสียต่อการยืนหยัดสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองช่วงนั้น อาทิ กอง
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านจัดเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิและด้อยโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณะ สวัสดิการ และหลักประกันด้านต่าง ๆ ด้วยเหตุที่เป็นกลุ่มซึ่งต้องปะทะโดยตรงกับการพัฒนาเมืองอย่างไม่ยั่งยืนทั้งที่สาเหตุของการออกมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะนั้นเกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางสังคมอันเป็นผลลัพธ์ของนโยบายส
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านตกอยู่ในสถานะของกลุ่มเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญจากการเหยียดหยามศักดิ์ความเป็นมนุษย์โดยตรงจากการละเมิด และยังอาจไม่ได้รับการดูและแก้ไขปัญหาเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยุ่งยากต่าง ๆ เพราะถูกจัดให้อยู่ในสถานะต่ำต้อยเสี่ยงต่อการเลือกประติบัติจากรัฐ จนไปถึงการเพิกเฉย ละเลย ไม่ใส่จะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านเป็นเสียงที่ไม่ถูกนับ การใช้พลังในลักษณะกลุ่มก้อนทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประโยชน์จากผู้มีอำนาจให้จัดสรรทรัพยากรให้จึงเป็นเรื่องยาก ด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนไร้บ้านจำเป็นต้องยืนอยู่บนฐานของกฎหมายที่ประกันสิทธิของบุคคลโดยมิคำนึงถึงความแตกต่างหลากหลายทางสถานภาพใด ๆ แม้คนไร้บ้านจะเป็นปัจเจกชน หรือกลุ่มคนที่มีปริมาณน้อยเพียงไร รัฐก็มีพันธกรณีในการเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิให้กลุ่มเสี่ยงนี้โดยเหตุแห่งความเป็นสิทธิมนุษยชนที่ร
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมตลาดดิจิทัลที่มีเข้มข้นของกิจกรรมข้ามพรมแดนตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาศักยภาพของรัฐในการบังคับใช้กฎหมายขยายไปเหนือหลักเขตอำนาจศาลเหนือดินแดนของตนแบบเก่า เมื่อต้องกำกับกิจกรรมของบรรษัทข้ามชาติที่อยู่ในการบังคับของกฎหมายรัฐอื่นซึ่งมีบรรทัดฐานในหลายประเด็น
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติกับรัฐ จะกระทำใน 3 ประเด็นหลัก คือ ใครเป็นเจ้าของข้อมูล ใครมีสิทธิใช้ประโยชน์จากข้อมูลมากน้อยอย่างไร หรือแบ่งปันกันอย่างไร อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูล
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการรวบรวมข้อเสนอทางกฎหมายในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ กับรัฐและองค์การระหว่างประเทศ อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการทบทวนข้อกฎหมายทั้งในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ เรื่อยมาจนถึงสำรวจความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลระหว
ทศพล ทรรศนพรรณ
ประเด็นพื้นฐานที่รัฐต้องคิด คือ จะส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อสะสมความมั่งคั่งได้อย่างไร แล้วจึงจะไปสู่แนวทางในการแบ่งปันความมั่งคั่งให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้อมูลขึ้นมาในแพลตฟอร์ม
ทศพล ทรรศนพรรณ
Kean Birch นำเสนอปัญหาของข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะสินค้าของตลาดนวัตกรรมเทคโนโลยีจำนวน 5 ประเด็น คือ1.ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของแพลตฟอร์มในฐานะเจ้าของข้อมูลทึ่ถูกรวบรวมโดยนวัตกรรม,