Skip to main content


ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง
              

 

เมื่อพระราชบุตรีเจริญวัย 
พระเจ้าฝางทรงเกรงจะเป็นที่ละอายแก่ไพร่ฟ้าพลเมือง  จึงทรงสร้างสวนหลวงขึ้นทางเหนือเวียงสุทโธ(ใกล้กับเมืองฝาง)  และสร้างคุ้มหลวง  มีคูและปราการล้อมรอบพระราชฐานบุตรี  ให้เป็นที่ประทับสำราญ  สวนหลวงแห่งนั้นได้ชื่อว่า “เวียงมะลิกา”  ก็คืออำเภอแม่อายในปัจจุบัน  เชื่อว่าเวียงมะลิกาไม่มีบุรุษเพศเลย  ผู้คนล้วนแต่สตรีเพศ  พระแม่เจ้าทรงฝึกฝนสตรีผู้กำยำ  เป็นทหารหาญของเวียงมะลิกา  จนเป็นที่ลือชา  เล่าลือกันว่า  เวียงมะลิกาที่มีแต่สตรีเพศ  มีพลทหารธนูที่แกร่งกล้าแม่นยำมาก  ดังนั้นเมื่อพม่ายกทัพมาล้อมเมืองฝาง  พระนางมัลลิกาซึ่งเป็นบุตรี  จึงมาช่วยพระราชบิดาและพระมารดารบกองทัพพม่า

พระเจ้าสุทโธธรรมราชาได้วางแผนรบกับบรรดาแม่ทัพ  ได้กำหนดยุทธวิธีใหม่  โดยพระเจ้าสุทโธธรรมราชาสั่งกองทัพพม่า  ให้ล้อมเมืองฝางไว้โดยไม่เข้าโจมตี  มุ่งหวังให้พระเจ้าอุดมสินผู้ครองเมืองฝางประสบปัญหา  ทหารและประชาชนในเมืองขาดเสบียงอาหาร  อดอยากยากแค้น  แต่การเตรียมรบกับพม่ามาเนิ่นนาน  ทำให้เมืองฝางสามารถอยู่ภายในวงล้อมพม่าได้นานเป็นปี  พระเจ้าอุดมสินเห็นความเดือดร้อนอดอยากของประชาชนในเมืองเป็นปีๆ  เห็นว่าพระองค์และพระมเหสีเป็นสาเหตุให้ทหารและประชาราษฎร์  ได้รับความทุกข์ความลำบากต้องอดอยากต้องอยู่ภายในเมือง  ล้อมรอบด้วยกำแพง  ส่วนข้างนอกกำแพงเต็มด้วยทหารพม่า  ชาวบ้านไม่อาจทำมาหากินได้ตามปรกติ  เสบียงอาหารที่สะสมไว้ร่อยหรอลงทุกวัน  ความทุกข์ยากเหล่านี้จะหมดไป  ถ้าหากไม่มีพระองค์กับพระมเหสี  จึงตัดสินพระหทัยจะปลงพระชนม์ตนเอง  โดยทั้งสองพระองค์ไปกระโดดลงบ่อซาววาสิ้นพระชนม์  เมื่อขาดผู้นำที่บัญชากองทัพ  กองทัพพม่าจึงเข้าเมืองได้  หลังล้อมเมืองฝางนาน 3 ปี 3 เดือน  พระเจ้าสุทโธธรรมราชาทราบเรื่องราวที่เศร้าสลด  คาดไม่ถึง  รู้สึกละอายพระหทัย  สั่งทหารพม่ามิให้ทำร้ายชาวเมือง  แล้วยกทัพพม่ากลับ  เมืองฝางจึงว่างเว้นจากการรุกรานของพม่ามายาวนาน  ประชาชนอยู่อย่างเป็นสุขสงบเนิ่นนาน
 


ภาพประกอบ: บ่อซาววา  ซาวเป็นภาษาเหนือแปลว่ายี่สิบ  ซาววาคือยี่สิบวา หมายถึงบ่อลึกยี่สิบวา  บ่อน้ำซาววาอยู่หน้าวัดพระบาทอุดม อ.ฝาง เชียงใหม่

 

เหมันตฤดู
เวียนมาอีกคราหนึ่ง  หมอกขาวหม่นคลี่คลุมทั้งเมืองฝางดุจเมืองในหมอกฉะนั้น  หมอกยังแผ่คลุมตลอดถนนสายหลักหน้าเมืองฝาง  เช้าแล้ว  สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยแถวผู้คนรอตักบาตรตามปรกติ  ทั้งคนแก่เฒ่าหนุ่มสาวและเด็กๆ  ต่างสวมเสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย  ทั้งหมวก  ถุงเท้า  คนแก่เพิ่มผ้าคลุมชั้นนอก  ผ้านี้คล้ายผ้าเช็ดตัว  นิยมสีขาว  คนชราหญิงจะใช้คลุมรอบคอและบ่า  มักใช้โอกาสสำคัญ  เช่น  ไปวัดฟังธรรมในวันพระ  หมอกหนามองเห็นหน้ากันในระยะวาเศษ  ผู้คนถือภาชนะใส่อาหารเตรียมถวายพระ  มีการทักทายพูดคุยกันยามพบหน้าคนรู้จัก  และต่างชะเง้อมองทางทิศเหนือถนน  ที่พระจะเดินมา  หมอกหนาทำให้เห็นเพียงระยะใกล้  พระปรากฏแล้ว  รูปแรกนำหน้า  มองเห็นเพียงศีรษะลงมาถึงมือถือบาตร  ส่วนต่ำลงไปเหมือนจมอยู่ในหมอก  คล้ายใบหน้าเคลื่อนที่ออกจากกลุ่มหมอกเย็น  หาใช่พื้นดินไม่  รูปที่สองเดินตามออกมา  เป็นภาพที่น่าตื่นตา  จนกระทั่งครบ 5 รูป  ทุกรูปก้มศีรษะน้อยๆด้วยความสำรวม  เดินช้าๆคล้ายทำสมาธิกำหนดสติ  ท่านหยุดหันข้างให้ผู้รอตักบาตร  ค่อยเปิดฝาอย่างสำรวม  ให้พรแล้วเดินจากไป.
                             

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก เดือนเต็มดวง ราวปี พ.ศ.2506พอย่างเข้าเดือนสิงหาคมกลางฤดูฝน ฝนเริ่มตกหนัก 3-4 วันติดต่อกัน ย่าบอกว่าวิทยุข้างบ้านประกาศ มีไต้ฝุ่นเข้าเมืองไทย ฝนจึงตกมากกว่าปรกติ ฝนยามนั้นจะตกปรอยๆซึมไปเกือบตลอดวัน ฟ้ามืดมัวด้วยเมฆฝน ไม่มีการเห็นแสงเดือนแสงตะวันกันเลย แล้วจะมีฝนตกหนักนานเกินครึ่งชั่วโมงเข้ามาสลับเป็นพักๆ เท่าที่จำได้นานเป็นวันก็เคยมี ใครซักผ้าก็ชื้นอับอยู่อย่างนั้น พื้นดินบริเวณบ้านผมเปียกแฉะไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าเปียกโชกชุ่มอิ่มน้ำ น้ำฝนที่ตกลงมาส่งผลให้ระดับน้ำในน้ำแม่ปิงสูงขึ้นรวดเร็ว ชาวเชียงใหม่สัญจรไปมาต่างกวาดตาดูน้ำแม่ปิง สายน้ำสายหลักที่ผูกพันชาวนครพิงค์เนิ่นนาน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรณีมีกลุ่มบุคคลที่ตรงข้ามรัฐบาลคัดค้านขัดขวางธนาคารออมสินปล่อยเงินกู้ให้ ธกส.(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เพื่อจะได้นำไปจ่ายให้ชาวนา ตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(19 ก.พ.57)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง