Skip to main content

มาริยา มหาประลัย



(
หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย)


วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ วันนี้พวกเราเหล่าปัญญาชนทั้งหลายจะรวมตัวกันไป แถ่นแถ้นนนน!!!...ดูดวงคร้าบ!!!


ความอยากดูดวงของฉันมีเป็นพักๆ แต่ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย แม้ว่าทุกวันนี้ถ้าบังเอิ๊ญ...บังเอิญเปิดผ่านไปเจอคอลัมน์ดูดวงในนิตยสาร ฉันอาจจะหยุดแวะปราดตาดูที่ลัคนาราศีมังกือของฉันสักหน่อยพอเพลินๆ แต่ไอ้ครั้นจะให้เสด็จออกจากบ้านไปหาหมอดูน่ะเรอะ...ยากส์พ่ะย่ะค่ะ!! เอะอะเลี้ยวเข้าเซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน เอ็มโพเรียมเรื่อยเลย! (เข้าไปเดินสวยๆ เชิดๆ งั้นแหละแต่ไม่มีปัญญาซื้ออะไรกลับบ้าน)


แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ฉันและผองเพื่อนถึงเกิดอาการกระสันอยากดูดวงขึ้นมาซะงั้น อาจเป็นเพราะเพื่อนของเราคนหนึ่งแนะนำและประทับตรารับประกันคุณภาพว่า “แม่นจนน่าขนลุกซู่” เลยชักอยากรู้ขึ้นมา ยิ่งเพื่อนนางนี้ถ่ายทอดว่า ที่นี่ใช้การเพ่งกระแสจิต ขุดรากกรรมเก่าเอามาตีแผ่ดวงชะตาขนาดนี้ อู้ว! ฟังแล้วต้องครางว่า “เสียวโว้ย” ขึ้นมาทันใด


ว่าแล้วพวกเราก็นัดกันล่วงหน้าเป็นวาระแห่งชาติ แล้วแยกย้ายกันไปทำบุญกลบบาปของเราเสียก่อนที่หมอดูจะขุดเอามาประจาน ซึ่งผลปรากฏว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เราทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปทำบาปกันถ้วนหน้ามากกว่าเดิม!


คุณเอ๊ย! พอถึงเวลาดูดวงจริงๆ มันยิ่งกว่า “เสียวโว้ย” ที่คิดไว้อีกนะ แต่ละนางนายกลัวจนเกี่ยงกันสุดฤทธิ์ว่าใครจะโดนถีบขึ้นแท่นพิพากษาก่อน มันน่ากลัวนะคุณที่จะได้รู้ว่าชาติก่อนเราไปทำอะไรไว้ ยัยมาริยาเอ้ย! อีทีตอนวิพากษ์สังคมล่ะกล้านัก แต่พออยู่ต่อหน้าหมอดูล่ะหัวหดตัวลีบ! ชิ! เชอะ! ฮิ! ฮะ!!!


เพื่อนสาวนางหนึ่งโดนถีบให้เป็นคนแรก (ฉันใช้มารยาหญิงเกิดปวดฉี่ขึ้นมาซะเลยไม่ต้องเป็นคนแรก) นั่งฟังไปก็ใจเสียวโว้ยจริงๆ เพราะแม่หมอแม่นเหมือนซ้อเจ็ดมาเองจริงๆ!


ตัดฉับมาที่ตัวฉัน หมอดูวัน เดือน ปีเกิด แล้วเขียนเลข วาดตารางแกรกๆ พูดไปก็ดมยาดมไปด้วยความเหนื่อยใจ แถมมีการพาดหัวไว้ด้วยว่า “มากราคะนะเรา” อ๊ายส์! แค่เริ่มต้นก็ชวนขนลุกแล้ว!! ฉันได้แต่ทำหน้าสวยสู้หมอเข้าไว้ ที่ฮาครืนกว่านั้นคือ แม่หมอบอกว่า “ทำวจีกรรมไว้เยอะ เลิกพูดส่อเสียดได้แล้ว” อ๊ายส์!!!! หมอยังบอกอีกว่า เพราะชาติก่อนฉันทิ้งเขาไว้เยอะ ชาตินี้เลยต้องอยู่บ้านคนเดียวจนเหงา ระวังปัญหาสุขภาพด้วยเพราะตามพื้นดวงแล้วฉันมีสิทธิ์เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด ความคัน อ๊ายส์! ความดัน ความอ้วน อย่ากินอาหารไขมันสูง เอ๊ะ! นี่แม่หมอดูดวงหรือรับปรึกษาปัญหาสุขภาพกันแน่คะเนี่ย อ๊ายส์! เผลอทำวจีกรรมอีกแล้วช้านนน!!


เพื่อนเก้งกวางของฉันสิเปรี้ยวกว่า แม่หมอลากตารางแกรกๆ แล้วบอกว่าชอบผู้ชายใช่ไหม อ๊ายส์! แม่หมอมีเกย์ดาร์ด้วยหรือเนี่ย แม่หมอบอกว่าดูจากจิตก็รู้ แถมวัน เดือน ปีเกิด เวลาตกฟากยังบอกอีกว่าเป็น ต๊าย! ใครเกิดวันนี้ เวลานี้เป็นเกย์หมดเลยใช่ไหมนี่ คนเป็นเกย์หรือไม่เป็นนี่ดูกันได้ตั้งแต่อุแว้แรกคลอดกันได้เลยแฮะ แถมยังบอกอีกว่า ชาติก่อนเพื่อนฉันเกิดเป็นนายทหารผู้มีอำนาจ และมากภรรยา เพราะมีเมียไปทั่วนี่แหละชาตินี้เลยเกิดเป็นเกย์ ข้อสงสัยของฉันก็คือว่า ชาตินี้ทำไมความเป็นทหารถึงไม่ตามมาถึงชาตินี้ด้วย เพราะความเป็นนักรบกับเพื่อนฉันคนนี้ห่างไกลกันเหมือนความคิดทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตร ใกล้ที่สุดก็คือเป็นนักรบอัศวินดาราเซเลอร์มูนนี่แหละค่า!!!


อะแฮ่ม! เรื่องแม่น – ไม่แม่นอันนี้ฉันมิทราบมิแซ่บได้ แต่ฉันว่าคำอธิบายเรื่อง “กรรม” ที่หมอให้ไว้ “น่าสนใจ” มากกว่า


ตกลงว่าการเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นเพราะสังคมปรุงแต่ง “ความเป็นเกย์” อย่างที่ซีโมน เดอ โบวัวร์บอกว่า “ผู้หญิงไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิง แต่ถูกทำให้เป็นผู้หญิง” แต่เป็นเรื่องกรรมเก่าแต่ปางก่อนที่เป็นนายทหารเจ้าชู้ที่เที่ยวไข่ไว้ทั่ว แหม...”เป็นทหารให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด” อย่างที่หนุ่ม ศรราม บอกจริงๆ ด้วยเว้ยเฮ้ย


ว่าก็ว่าเถอะ ติ๊ต่างว่าเพื่อนฉันเคยเกิดเป็นนายทหารเชี่ยวชาญการศึกขึ้นมาในสมัยโบราณจริง การมีเมียหลายคนในสมัยก่อนก็ไม่ได้ผิดตรงไหนในสังคมสมัยนั้น เพราะตามบริบทของสังคมสมัยก่อนนั้น การมีเมียน้อยไม่ได้เป็นเรื่องของความเจ้าชู้ไปเสียหมด บางครั้งเจ้าเมืองเมืองหนึ่งก็ส่งลูกสาวมาเป็นมเหสีรองของกษัตริย์อีกเมืองเพื่อดำรงฐานอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองไว้ สังคมสมัยก่อนใช้ความสัมพันธ์ทางเพศในการสร้างฐานอำนาจทางการเมือง ในเรื่องนี้ “อำนาจ” จึงเป็นเรื่องที่มาพร้อมเรื่องเพศ คนที่มีอำนาจมากก็ต้องมีเมียมาก ดูเรื่อง “นางทาส” งี้ซิ หรืออย่างพ่อขุนแผนแสนเสน่ห์พระเอกที่เรายกย่องนั่นก็มากเมียเหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับได้

 

ที่คนสมัยนั้นไม่รู้สึกแปลกที่จะมีเมียหลายคนก็เพราะแนวคิดเรื่อง “ผัวเดียวเมียเดียว” ซึ่งเป็นคาทอลิ้ก...คาทอลิกนั้น บ้านเราเพิ่งนำเข้ามาไม่กี่ร้อยปีนี่เอง ว่าก็ว่าเถอะ ตอนที่เอาเข้ามา เจ้าขุนมูลนายทั้งหลายต่อต้านด้วยซ้ำ ถ้าพูดกันถึงสังคมปัจจุบัน ฉันก็เข้าใจได้อยู่หรอกว่าทำไมต้องผัวเดียวเมียเดียว ทำไมต้องศีล 5 ทำไมไม่ควรมีกิ๊ก แต่นี่ในเมื่อตอนนั้นเพื่อนฉันเป็นนายทหารในสมัยก่อนโน้น กรอบความคิดเรื่อง “ผัวเดียวเมียเดียว” ยังไม่มาถึงด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าชาติก่อนเพื่อนฉันจะเป็นนายทหารที่มากเมียไปเสียหน่อย นั่นเป็นเพราะเพื่อนฉันทำตามสิ่งที่สังคมปูแนวทางไว้ในเรื่องอำนาจและความเป็นชาย ไม่ใช่เพราะเพื่อนฉันทำชั่ว ว่ามะ! งี้ผู้ชายสมัยนั้นเกิดมาอีกชาติคงเป็นเกย์กันหมดโดยไม่รู้ตัวเลยมั้งชิมิเคอะเนี่ย!


ตกลงว่ากรรมจากศีลข้อ 5 นี่กินความไปแค่ไหน ใครรู้วานช่วยเมตตาบอกฉันที


เรื่องต่อมา การที่ฉันต้องอยู่บ้านเหงาๆ คนเดียว ก็ไม่ได้เป็นเพราะความเจริญที่กระจุกตัวในเมืองหลวงจนคนต่างจังหวัดต้องส่งลูกหลานมีเรียนที่กรุงเทพฯ เพื่อโอกาสทางการศึกษาและความก้าวหน้าในชีวิต ไม่ได้เป็นเพราะที่สังคมเมืองมีสภาพเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น แต่เป็นเพราะกรรมที่ชาติก่อนทิ้งให้คนอื่นอยู่คนเดียวเยอะ กิ๊วๆ! โดนซะมั่ง สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ!


หรือการที่ฉันมีร่างสังขารอ้วนอึ๋มอวบอั๋นตอนเด็กๆ (แต่ปัจจุบันดิฉันสวยมาก...ขอบอกและนี่ไม่ใช่วจีกรรม!) ไม่ได้เป็นเพราะนิสัยการกิน ไม่ได้เป็นเพราะฐานะทางเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นเพราะโอกาสการเข้าถึงทรัพยากรอาหารมีมากกว่า แต่เป็นเพราะเพราะพื้นดวงกำหนดไว้อยู่แล้ว


มันน่าคิดต่อเหลือเกินว่า การมีนักการเมืองเส็งเคร็งเฮงซวยบริหารประเทศมากี่รัฐบาล การมีความเหลื่อมล้ำทางสังคม การอยู่ในสังคมที่นิยมการใช้ความรุนแรงเป็นทางออก รถจะติด น้ำมันจะแพง ทองราคาจะตก ข้าวจะขายได้ราคาไหม จะมีปฏิวัติอีกหรือเปล่า ทำไมฟุตบอลไทยไม่ไปบอลโลก โลกจะแตกหรือยัง ฯลฯ มันก็เป็นเพราะกรรม กรรม กรรม กรรม และกรรมแต่ชาติปางก่อนของเราทั้งนั้นแหละ...


ว่าแล้วก็ปลงแล้วก้มหน้าก้มตารับกรรมไปซะ แทนที่จะไปเรียกร้องประชาธิปไตยหรือเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรกันก็หันหน้าเข้าวัด เดินจงกลม ยุบหนอพองหนอ กินมังสวิรัติกันเถิดจะเกิดผล...


ฉันอดคิดไม่ได้ว่า จะเป็นยังไงหนอถ้ามหาตมะ คานธี เห็นว่าการถูกอังกฤษปกครองอย่างไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องเวรกรรมของคนอินเดีย จะเป็นยังไงหนอถ้าผู้หญิงในสหรัฐฯ ไม่ออกมาเรียกร้องสิทธิการเลือกตั้งเพราะเห็นว่าเกิดเป็นผู้หญิงเพราะทำบุญมาน้อย จะเป็นยังไงหนอถ้ารัชกาลที่ 5 ทรงไม่ประกาศเลิกทาสเพราะมีพระราชดำริว่า คนเกิดมาเป็นทาสก็เพราะทำกรรมเลวไว้ ฯลฯ


ฉันไม่ได้มองว่าคำอธิบายของหมอในเรื่อง “กรรม” เป็นเรื่องไร้สาระ แต่กลับมองว่ามันน่าสนใจ อย่างที่ออกตัวไว้ตั้งแต่ต้นว่าฉันมีความรู้เรื่องนี้น้อยนัก มีอีกหลายอย่างที่น่าเรียนรู้ และฉันไม่ได้ยึดติดว่าโลกต้องเป็นไปตามที่ฉันคิดเสมอไป ฉันชอบการอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ในสังคมโดยใช้หลายมุมมอง หลายสมมติฐาน หลายทฤษฎีมากกว่า จะทางโลกหรือทางธรรมก็น่าสนใจทั้งนั้น เพราะการยึดติดกับมุมเดิมคงให้ภาพเราได้แค่มุมเดียว แม้ยืนจากมุมเดิมแต่ให้อีกคนมาดูก็ยังเห็นไม่เหมือนกัน ยิ่งจับโลกมาพลิกแพลงตะแคงคว่ำดูมิติอื่นจากมุมอื่นบ้างคงทำให้เราเข้าใจโลกได้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วย


คำถามก็คือ เราพร้อมและกล้าแค่ไหนที่จะเรียนรู้สิ่งที่เราคิดต่าง เราพร้อมและกล้าแค่ไหนที่จะยอมรับว่าโลกนี้ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว เราพร้อมและกล้าแค่ไหนที่จะอดทนฟังสิ่งที่อยู่ไกลจากสิ่งที่เราเชื่อเหลือเกิน


สังคมไทยกำลังต้องการคำตอบตรงนี้อยู่


แต่ที่แน่ๆ ฉันตอบได้เลยว่า หากชาติหน้าไปดูดวง หมอดูต้องบอกอีกแน่ว่า “ชาติไหนๆ เกิดมาก็ปากหมาตลอดเลยนะเอ็ง”!!!

 

 

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ บางทีแล้วการที่เราออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น มันก็มีรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามบริบทของการทำงานและพื้นที่สภาพแวดล้อม ซึ่งนั่นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการทำงานของกลุ่มคนที่มากมายหลายประเภทเฉกเช่นดอกไม้ในสวนน่ายล ท่ามกลางบรรยากาศสังคมอมยิ้มไม่ออกเช่นนี้ เยาวชนคนหนุ่มสาวก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เข้าไปอยู่ในบริบทของความย้อนแย้งขัดเกลาเราเขาเช่นนี้ กล่าวคือมีทั้งเยาวชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของซีกพันธมิตร และเยาวชนที่ไม่เห็นด้วยก็มีมาก ส่วนกลุ่ม “สองไม่เอา” นั่นก็มีไม่น้อย ทว่า กลุ่มที่ดูจะมีคือ “กรูไม่เอาสักอย่าง” เสียอีกที่มีเยอะ
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการชุมนุมของพี่ๆ ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และ กลุ่มต้านพันธมิตรฯ คือ “อีกแล้วเหรอ”  ซึ่งเป็นความรู้สึกที่กลัวว่าเหตุการณ์จะนำพาไปสู่เหตุการณ์ “รัฐประหาร” เหมือนเมื่อครั้งปี 2549 อีกหนที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ถูกมองว่า เป็น “เงื่อนไข” สำคัญที่ทำให้เกิดการรัฐประหารในครั้งล่าสุด แถมยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเลยแม้แต่นิด ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่คนอื่นๆ ทั่วไป เขาจะมองว่ากลุ่มพันธมิตร เอาดี เห็นงาม กับการทำให้เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนั้นสำหรับนักประชาธิปไตยอีกฝากแล้ว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ หลายวันที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆ หลายคน ที่ติดตามข่าวเรื่องการชุมนุมของ “พันธมิตร” ต่างใจจดใจจ่ออยู่กับจุดมุ่งหมายท้ายสุดที่จะเดินไปถึง พร้อมๆ กับกระแสข่าวการ “ปฏิวัติ” ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อมั่นว่าการชุมนุมโดย “สันติ” อย่างมี “สติ” เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่สามารถดำเนินการได้ แต่การสลายการชุมนุมโดยการใช้ “ความรุนแรง” ที่ “ไร้สติ” นั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และปรารถนายิ่งนัก
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย1“ขอโดลเช่ เดอ ลาเช่ ขนาดกลางแก้วหนึ่งค่ะ เพิ่มกาแฟอีกชอตและะ No whip cream ค่ะ อ้อ! ขอแบบไลท์ด้วยนะคะ Low Calories ด้วย ขอบคุณค่ะ” เฮือก! โล่งอก! ฉันพูดประโยคยาวยืดนี่จบซะที! จะมีใครรู้ไหมนะว่าฉันต้องฝึกพูดคำว่า “โดลเช่ เดอ ลาเช่” มาตั้งกี่ครั้งกว่าจะมาเสนอหน้าสั่งกาแฟชื่อประหลาดอย่างคล่องปากนี่ได้ แต่คริๆ...คงไม่มีใครรู้หรอก เพราะฉันวางมาดดีไม่มีหลุดราวกับเรียนการแสดงจากครูแอ๋วมาเสียขนาดนี้ ใครๆก็ดูแต่เปลือกกันทั้งนั้นแหละเธอ! เอาล่ะ สะบัดบ๊อบไปนั่งรอกาแฟได้แล้วย่ะยัยมาริยา อ๊ายส์! จ่ายเงินก่อนสิยะเธอ!!  ฉันใช้ริมฝีปากที่ทาลิปสติค Christian Dior อย่างบรรจง ค่อยๆ ดูดกาแฟ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัยปล. คาวีเป็นชื่อพระเอกในละครตบจูบเรื่อง “สวรรค์เบี่ยง” ทางช่อง 3 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้สวัสดีค่ะ คุณคาวี พักนี้มีข่าวข่มขืนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์กันพรึ่บพรั่บ ราวกับคนในบ้านเมืองของเราร่วมแรงแข็งขัน (และแข่งขัน) กันข่มขืนเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ตั้งแต่รุ่นเด็กประถมยันอาจารย์มหาวิทยาลัย ดูแล้วชวนห่อเหี่ยวละเหี่ยใจเสียฉิบ ไม่ยักเหมือนเวลาดูคุณคาวีข่มขืนเลยนะคะ ดูแล้วได้ความบันเทิงเริงเมืองปนโรแมนติค ก็แหม…เวลาพูดถึงคนร้ายข่มขืนผู้หญิงทีไร ใครๆ ก็นึกถึงแต่ผู้ชายตัวดำๆ ไว้หนวดเครารุงรัง หน้าเถื่อนๆ ยืนดักอยู่ตามซอกตึก เหม็นกลิ่นเหล้าคุ้งเคล้ากลิ่นเหงื่อปนกลิ่นคาวปลาตามตัว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมต้องคิดหนักและเหนื่อยกับการใช้พลังในการพัฒนาโครงการ “กล้าเลือก กล้ารับผิดชอบ” ของเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย โครงการนี้เป็นโครงการที่จะสร้างกลไกระดับพื้นที่เพื่อรณรงค์ สร้างความเข้าใจเรื่องเอดส์ เพศศึกษาอย่างรอบด้าน และสนับสนุนให้เยาวชน ตระหนักและมีทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้เรื่องการป้องกันเอดส์ รู้จักประเมินความเสี่ยงของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของตนให้ปลอดภัยผ่านการดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ 8 กลุ่ม ใน 20 จังหวัดกระจายไปในภาคต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการตลอดระยะเวลา 12 เดือน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย
กิตติพันธ์ กันจินะ
ประมาณวันที่ 14 เมษายน 2551 นี้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550  ก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวและได้มีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551ส่งผลให้ต้องมีการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลุ่ม องค์กร เยาวชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ อย่างขะมักเขม้นอย่างไรก็ตามสำหรับเจตนารมณ์แล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวมีขึ้นมาเพื่อให้เกิดกลไกการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและเอกชน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมได้แรงบันดาลจากการเขียนเรื่องนี้จากภาพยนตร์เรื่อง “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น” หนังใหม่ ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่านๆ ว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อหาในหนังนั้น ผมก็ยังไม่ได้ไปชม เพียงแต่ดูเนื้อในจากเว็บไซต์ก็พอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 4 วัยในความรัก 4 มุม ทั้ง รักที่ต้องแย่งกัน รักนักร้องดาราคนโปรด รักนอกใจ และรักข้างเดียว ....อืม เอาเป็นว่า ใครอยากรู้เรื่องมากขึ้นลองเข้าเว็บไซต์ www.pidtermyai.com  ดูแล้วกันนะครับในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอชีวิตที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นจำนวนหนึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่ ซึ่งบางคนก็ใช้เวลาไปแข่งกันขอเบอร์ผู้หญิง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ใครจะไปรู้ว่าเทคโนโลยีบางอย่างจะทำให้เราไม่พลาดการสื่อสารที่สำคัญได้จริงๆ เรื่องเกิดเมื่อวันหนึ่ง, ขณะที่ผมกำลังออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยมนั้น พี่ต้าร์ (วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งกลุ่ม Y-ACT) ก็ได้เข้าโปรแกรมออนไลน์ MSN จากในค่ายแห่งหนึ่ง ณ สวนแสนปาล์ม นครปฐม ซึ่งเป็นการอบรมนักศึกษาอาชีวศึกษากว่า 30 สถาบัน  “อยากดูป่ะ” พี่ต้าร์ถามและได้เปิดโปรแกรมวิดีโอออนไลน์ขึ้นมาผมตอบว่าอยาก – สักพัก ภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ปรากฏออกมา และมีภาพของเพื่อนๆ เยาวชนที่เข้าร่วมค่ายกำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนานผมถามพี่ต้าร์ว่ามาทำอะไรกัน?พี่ต้าร์ บอกว่า “วันนี้น้องอาชีวะกว่า สามสิบสถาบัน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ในที่สุดนายกทักษิณ ก็ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่ต้องเร่ร่อนรอนแรมอยู่ต่างประเทศตั้งปีกว่า กลับมาหนนี้ถือว่าได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองในคดีต่างๆ ที่ตกเป็นจำเลย และยังได้กลับมาอยู่ใกล้ครอบครัวของตนเสียด้วย ยังไม่นับรวมถึงการที่จะต้องเข้ามาเคลียร์เรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในพรรคและการเมืองที่ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าใดนัก  ผมดูการกลับมาของคุณทักษิณ แล้วนึกถึงชีวิตของเด็กๆ ที่เร่ร่อนไร้บ้านอีกหลายคน ที่ต่างก็พเนจรไปในที่ต่างๆ ไม่ได้กลับบ้าน หรือบ้างก็ไม่มีบ้านอยู่อาศัย ซึ่งชะตากรรมของเขาหลายๆ คน ถือว่า "หนัก" กว่าคุณทักษิณหลายเท่า…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  หลังจากที่โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม หรือ โครงการเยาวชน1000ทาง 1 ได้ดำเนินการมาจนจบวาระหนึ่งปีก็ถือว่าเรียนจบครบเทอมพอดี เพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงานหลายคนต่างได้รับความรู้และประสบการณ์ในการทำงานเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าโครงการเยาวชน1000ทาง จะเกิดจากความร่วมมือของเครือข่ายเยาวชนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาหลายปี แต่สำหรับประเทศไทยนั้นนับว่ามีโครงการที่สนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน "มือใหม่" ไม่มากนัก ฉะนั้นโครงการเยาวชน1000ทาง ถือว่าเป็นโครงการที่ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการทำงานโดยเยาวชนดำเนินการ มีผู้ใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นที่ปรึกษาการทำงาน…