Skip to main content

หน้าเว็บไซท์ที่ได้รับความนิยมสูง ในช่วงระยะห้าปีที่ผ่านมา หากไม่นับรวมเว็บไซท์ขายของออนไลน์ ส่วนมากยังคงมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุคก่อนหน้านี้ นั่นคือ เป็นเว็บไซท์ที่พยายามสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผ่านการเปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้ เข้ามาสร้างหัวข้อและบทสนทนาร่วมกัน สร้างกิจกรรมระหว่างกลุ่มผู้ใช้ และเป็นช่องทางให้ผู้ใช้ทำความรู้จักกัน

วัตถุประสงค์ของเว็บไซท์ดังกล่าว คือเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้ ที่มีความสนใจหรือความต้องการคล้ายๆกัน ซึ่งทำให้ในขณะที่ ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ ในรูปแบบของการเข้าถึงข้อมูล ความรู้ และการมีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น ผู้จัดทำเว็บไซท์ก็ได้ประโยชน์ ผ่านการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางอ้อม จากเครือข่ายสังคม ซึ่งก็คือตลาดในอีกลักษณะหนึ่ง ที่ตัวเองได้เริ่มสร้างขึ้น

แต่ส่วนที่แตกต่างออกไป จากเว็บไซท์ประเภทเดียวกันในยุคก่อน คือมีการนำรูปแบบของวีดีโอหรือสื่อผสมที่หลากหลาย มากกว่าการใช้เพียงแค่ตัวหนังสือประกอบกับรูปภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ เพื่อสื่อสารระหว่างผู้จัดทำเว็บกับผู้ใช้งาน หรือระหว่างผู้ใช้งานด้วยกัน อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถช่วยสร้าง เชื่อมโยง และขยายความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มผู้ใช้ และเปิดโอกาสให้ กลุ่มผู้ใช้ร่วมกันผลิตเนื้อหาภายในเว็บไซท์ มากกว่าการใช้เนื้อหา ซึ่งผลิตโดยผู้จัดทำเว็บเป็นหลัก เพื่อดึงดูดผู้ใช้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุหลัก 2 ประการ โดยประการแรกคือ การที่ต้นทุนทางเทคโนโลยีดิจิตอลและอิเลคทรอนิคถูกลง ทำให้ประชากรโลกสามารถอุปโภคอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งได้แก่ กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา และรวมถึงอุปกรณ์บันทึกข้อมูลดิจิตอลในรูปแบบต่างๆ ได้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการบันทึกและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกบันทึก ทั้งในรูปแบบของภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงมากขึ้น

ประการที่สอง ซึ่งจะเป็นหัวข้อสนทนาในวันนี้ นั่นคือการเกิดขึ้นและขยายตัวของ"เว็บยุค2.0" ซึ่งช่วยให้ประชากรโลกสามารถนำข้อมูลต่างๆที่บันทึกไว้ มาแบ่งปันหรือมาใช้ประโยชน์ร่วมกันต่อไป เว็บยุค2.0 ถูกให้คำนิยาม โดยเว็บไซท์ http://www.wikipedia.org (เว็บสารานุกรมออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เนตทุกคนใช้งานฟรี) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเว็บไซท์ยุค2.0ที่สำคัญ ดังนี้

"เว็บยุค2.0 คือ เว็บไซท์ที่มีแนวโน้มในการใช้เทคโนโลยีเว็บและการออกแบบเว็บ เพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรร การแบ่งปันข้อมูล และการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ใช้ ซึ่งที่สุดนำไปสู่การปฏิวัติรูปแบบการพัฒนาชุมชนบนอินเตอร์เนต และบริการเช่าพื้นที่เพื่อให้บริการเว็บไซท์ เช่น เว็บไซท์เครือข่ายสังคม เว็บต่างๆภายใต้โครงการ "wiki" การให้บริการเช่าพื้นที่สร้าง Blog..." [web2.0, http://en.wikipedia.org/wiki/Web_2]

ความแตกต่างระหว่างเว็บยุค2.0 กับเว็บยุคก่อนหน้า ที่อาจจะถูกเรียกว่าเว็บยุค1.0 สามารถถูกมองได้จากสองบริบทได้แก่บริบทของหลักการและบริบทของเทคโนโลยี

ในบริบทของหลักการ เว็บยุค2.0 มุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน ในลักษณะของการร่วมกันผลิตเนื้อหาและข้อมูลภายในเว็บ และในลักษณะการร่วมกันสร้าง ขยาย และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน อีกทั้งยังมุ่งเน้นให้ผู้ใช้ เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วและในรูปแบบที่แต่ละบุคคลต้องการมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ในบริบทของเทคโนโลยี เว็บยุค2.0 สามารถจัดการกับข้อมูลได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งในแง่ของประเภทข้อมูล (Data and File Formats) ในแง่ของการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ใช้ ลักษณะการใช้งาน และข้อมูลที่ต้องการ และในแง่ของรูปแบบการส่งผ่านข้อมูลไปยังผู้ใช้ที่ต้องการ ซึ่งความสามารถและคุณลักษณะเหล่านี้ ก่อให้เกิดรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของหลักการ

ตัวอย่างของเว็บยุค 2.0 ได้แก่ เว็บประเภท information, image and video web hosting ต่างๆเช่น http://www.wikipedia.org/, http://www.flickr.com/ และ http://www.youtube.com/ ตามลำดับ ซึ่งให้บริการพื้นที่จัดเก็บเพื่อการแบ่งปันข้อมูล ในรูปแบบของ สารานุกรม ภาพ และภาพเคลื่อนไหว ตามลำดับ หรือจะเป็นเว็บประเภท social boomarking ต่างๆเช่น http://www.del.icio.us/ ซึ่งให้บริการจัดเก็บ ค้นหา และแบ่งปันที่อยู่ของหน้าเว็บซึ่งถูกจัดเก็บไว้โดยผู้ใช้แต่ละคน

อีกสองประเภทตัวอย่างของเว็บ2.0 ได้แก่เว็บประเภท social news ต่างๆ เช่น http://www.digg.com/ และ http://www.reddit.com/ ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้เข้ามาแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งออกความคิดเห็น และลงคะแนน เพื่อสนับสนุนหรือต่อต้าน ข้อมูลข่าวสารหนึ่งๆ และอีกประเภทคือเว็บเครือข่ายสังคมหรือ social networking ต่างๆเช่น http://www.facebook.com/, http://www.hi5.com/ และ www.myspace.com ซึ่งให้บริการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ที่ผู้ใช้ต้องการนำเสนอกับกลุ่มคนรู้จัก พร้อมทั้งความสามารถ ในการขยายวงสังคมของผู้ใช้ ด้วยการแนะนำตัว ผ่านโครงข่ายสังคม ของคนรู้จักต่อๆกันไป

เมื่อส่วนประกอบทางหลักการ และเทคโนโลยี ข้างต้นลงตัว จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ ที่แต่ละปัจเจกบุคคล มีความสามารถในการจัดทำและตีแผ่ข้อมูล ซึ่งตนเป็นผู้ผลิตออกสู่สังคม ทั้งเพื่อการแบ่งปัน เพื่อการขยายวงสังคม และเพื่อการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างต่อสังคม ปรากฏการณ์นี้ คือการปรากฏขึ้นอย่างแพร่หลาย ของสิ่งที่เรียกว่า "สื่อพลเมือง" บนอินเตอร์เนต

สื่อพลเมือง โดยคำจำกัดความจากเว็บ http://www.wikipedia.org/ คือ "รูปแบบการสื่อสารมวลชน ที่นำเสนอข่าวสารข้อมูลที่ถูกจัดทำขึ้นโดยประชาชนทั่วไป ซึ่งมิใช่นักสื่อสารมวลชนโดยอาชีพ..." [citizen media, http://en.wikipedia.org/wiki/Citizen_media]

สื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต ได้กลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ หรือช่องทางแห่งการสื่อสารมวลชนที่มีศักยภาพ กล่าวคือมีอิทธิพลในวงกว้าง ทันเหตุการณ์ ด้วยขั้นตอนที่ง่ายขึ้น และด้วยต้นทุนการผลิตที่ถูกลง เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดตั้งและบริหาร วิทยุชุมชน สถานีโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นสื่อพลเมืองในยุคก่อน

ผลจากการขยายตัว ของสื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต คือ การที่ประชานชนมีเสรีภาพ ในการบริโภคข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น โดยถือว่า สื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารทางเลือก นอกเหนือจากสื่อมวลชนกระแสหลัก ซึ่งได้แก่สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ในปัจจุบัน นอกจากนั้น สื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต ยังนำเสรีภาพในการแสดงและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างผู้ผลิตสื่อกับผู้บริโภคสื่อ และระหว่างผู้บริโภคสื่อด้วยกัน ได้อย่างทันเหตุการณ์ อีกด้วย

อย่างไรก็ดี จากเสรีภาพและโอกาสที่เปิดกว้าง โดยสื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต ทำให้ความขัดแย้งทางความคิด ในสังคมต่างๆ ย่อมปรากฏชัดขึ้น และในอัตราที่ถี่และสูงขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากมองความขัดแย้งในเชิงสร้างสรรค์ การเปิดเวทีทางความคิด เพื่อให้ความเห็นที่เกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องกับประเด็นหนึ่งๆ จากหลายมุมมอง ได้ส่งเสริม หักล้าง และตกผลึก ย่อมเป็นสิ่งที่ควรกระทำและส่งเสริม ซึ่งผลที่ตามมา จะทำให้ได้มาซึ่ง สังคมที่เจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ

หากแต่ความขัดแย้ง หากเกิดขึ้นโดยความปรารถนาที่จะทำลายล้าง และมุ่งไปที่การแสวงหาประโยชน์ส่วนตน มากกว่าการเคลื่อนไหวทางสังคม เพื่อให้ได้มาซึ่งความเจริญก้าวหน้าทางสังคมส่วนรวม อย่างแท้จริง ก็จะมีผลทำให้สัมคมเกิดความแตกแยก และล่มสลายไปในที่สุด

อย่างไรก็ดี เว็บยุค2.0 และ สื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต ไม่เพียงนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง ดังที่ได้กล่าวมาข้าต้น แต่เมื่อพิจารณาลึกลงไป ถือได้ว่าทั้งสองสิ่ง เป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่ทำให้เกิด "การท้าทายกระแสหลัก"

กระแสหลัก ในทัศนะส่วนตัว หมายถึง สิ่งที่ถูกยอมรับกันโดยกว้างขวาง โดยคนในสังคมหนึ่งๆ ว่าเป็นรูปแบบหลัก ของสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่ ซึ่งเป็นได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงสื่อมวลชนสื่อกระแสหลัก ในปัจจุบัน สังคมก็จะอ้างอิงถึงสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และ สำนักหนังสือพิมพ์ ต่างๆ หรือเมื่อพูดถึง กระแสหลักเกี่ยวกับค่านิยมในการดำเนินชีวิต  จะหมายความถึง รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ถูกเชื่อ โดยสังคม ว่าเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินชีวิต

การท้าทายกระแสหลักเกิดขึ้น เนื่องจากพลวัตรของสังคม ถูกเปลี่ยนทิศทาง โดยมีสาเหตุสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและความเชื่อของประชาชนในสังคม ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคม และก่อให้การเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต

การท้าทายกระแสหลัก สามารถเกิดขึ้นได้สองรูปแบบด้วยกัน โดยรูปแบบแรก มีสาเหตุสำคัญมาจากการเกิดขึ้น การขยายตัว และการเจริญเติบโตของสังคมต่างๆบนอินเตอร์เนต ทำให้ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากการทำธุรกรรมต่างๆ ของผู้ดำเนินธุรกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชน และผู้บริโภค เริ่มที่จะพิจารณาสังคมต่างๆบน อินเตอร์เนต ว่าเป็นฐานลูกค้า เป็นช่องทางการจัดจำหน่าย และเป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ ทำให้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่โลกอินเตอร์เนตมากขึ้นทุกที ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการท้าทายรูปแบบความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความเจริญเติบโตทางสังคมกระแสหลักเดิม

รูปแบบที่สองคือ การใช้อินเตอร์เนต เป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร เพื่อการ ชี้นำ กระตุ้น และกระจายแนวความคิดใหม่ๆ ซึ่งนำไปสู่สร้างกลุ่มทางสังคม ที่มีความสนใจในแนวความคิดร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อหารือหรือเพื่อถกประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับแนวความคิดนั้น ไปจนถึงเพื่อการสร้างการเคลื่อนไหวทางสังคม บนพื้นฐานของแนวความคิดร่วมดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าว ย่อมนำไปสู่การท้าทายกระแสหลักต่างๆ ในสังคม ต่อไป ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

เมื่อมองถึงการท้าทายกระแสหลักทั้งสองรูปแบบ ถือได้ว่าทั้งเว็บยุค2.0 และสื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต เป็นกลจักรสำคัญ ที่ทำให้เกิดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของสังคมบนอินเตอร์เนต ซึ่งตอกย้ำการท้าทายกระแสหลักในรูปแบบแรก ยิ่งกว่านั้น ทั้งสองสิ่งยังเป็นช่องทางสื่อสารมวลชนทางเลือก ซึ่งผู้ที่ต้องการท้าทายกระแสหลักในรูปแบบที่สอง สามารถนำมาใช้งาน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

เว็บยุค2.0 และสื่อพลเมืองบนอินเตอร์เนต เปรียบเสมือนเครื่องมืออันทรงพลัง ขึ้นอยู่กับสำนึกและความปรารถนาของผู้นำมาใช้ ว่าจะสร้างสรรค์หรือทำลาย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง ที่สังคมต้องมีการศึกษาถึงประโยชน์ และผลกระทบ อย่างรอบคอบ รอบด้าน อย่างเร่งด่วน และอย่างจริงจัง เพื่อสร้างกลไกการบริหารและจัดการอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สังคมหนึ่งๆ สามารถมั่นใจได้ว่า เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพนี้ ถูกใช้งาน โดยผู้มีสำนึกเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม อย่างแท้จริง

บล็อกของ SenseMaker

SenseMaker
Digital Divide คือ คำในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกสภาวะ ที่ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ICT เป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้ช่องว่างและความแตกต่างในสังคมเกิดขึ้นและขยายตัวในขณะที่ปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ ICT ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยเห็นได้จากแนวนโยบายของรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก ที่มุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทาง ICT เพื่อให้บริการต่างๆของภาครัฐ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า“รัฐบาลอิเลคทรอนิค” หรือ e-government ทั่วโลกก็กำลังเผชิญหน้ากับการขยายตัวของปัญหา ช่องว่างและความแตกต่างในสังคม ไปพร้อมกัน
SenseMaker
ปัจจุบันความก้าวหน้าทาง ICT อนุญาตให้ประชาชนทุกคน สามารถแสดงออกทางความคิดเห็น ได้อย่างกว้างขวาง ผ่านความหลากหลายของช่องทางการติดต่อสื่อสาร และความอุดมสมบูรณ์ของสื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ICT ยังอนุญาตให้เราสามารถ จัดการกับข้อมูลและเนื้อหาของการแสดงออกทางความคิด เพื่อใช้สำหรับการเข้าถึงในวงกว้างโดยผู้คนอื่นต่อไปได้อีกด้วยด้วยความสามารถของ ICT ข้างต้น ทำให้ประชาชนเริ่มมองเห็น และตระหนักในศักยภาพ ของการนำICT มาใช้เพื่อสะท้อนสภาพปัญหาที่แต่ละบุคคลประสบ มองหาผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน และมองหาผู้อื่นที่เต็มใจให้ความช่วยเหลือ เพื่อร่วมคิด แสดงความเห็น ให้คำปรึกษา และช่วยกันหาทางบรรเทาหรือแก้ไขปัญหานั้นๆ…
SenseMaker
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของโครงการจัดทำ แผนแม่บททางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฉบับที่ 2 ของประเทศไทย เพื่อประกาศใช้ระหว่าง พ.ศ. 2552 – 2556 ยังอยู่ในระหว่างการเร่งจัดทำร่าง เพื่อประกาศใช้ให้ทันการเริ่มต้นใช้งานในปีหน้าข้าพเจ้ามีโอกาสได้อ่านแผนแม่บทฉบับร่างดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เตรียมเพื่อใช้ประกอบการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ระหว่างวันที่ 4-13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นฉบับล่าสุด ที่กระทรวงฯเปิดเผยและประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะ (ท่านผู้อ่านสามารถอ่านข้อมูลของโครงการจัดทำแผ่นแม่บทนี้ เพิ่มเติม รวมทั้ง download เอกสารประกอบต่างๆได้ที่ http…
SenseMaker
หากท่านผู้อ่านได้อ่านบทความก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความเรื่อง “การเข้าถึงเทคโนโลยี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความแตกต่างทางสังคม และสังคมในแนวขนาน” หรือเรื่อง “เว็บยุค2.0 สื่อพลเมือง และการท้าทายกระแสหลัก” และเรื่อง “ICT ตัวการแห่งการเปลี่ยนแปลง และผลลัพท์ทางสังคมที่ย้อนแย้ง” ข้าพเจ้าเชื่อว่าบทความเหล่านี้ จะทำให้ทุกท่านที่อ่านเริ่มตระหนัก ข้อเท็จจริงที่ว่า ICT เป็นตัวแปรต้นของความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ว่า สังคมของเราทุกวันนี้ มีความหลากหลายทางระบบความคิด ความเชื่อ และมีความแตกต่างทางด้านค่านิยมมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมข้างต้น แน่นอนว่าไม่ได้ถูกผลักดัน ด้วยความก้าวหน้าทางด้าน ICT…
SenseMaker
“คนไทยลืมง่าย” คือคำนิยามหนึ่งที่อธิบายลักษณะความคิดและนิสัยของคนไทย ได้เป็นอย่างดี คนไทยเรามักเลือกที่จะลืมและให้อภัย กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสร้างความเดือดร้อนใหญ่หรือเล็กเพียงใดหลายคนแสดงความเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยเรามีอุปนิสัยเช่นนี้ เนื่องจากคนไทยเราส่วนใหญ่ ได้รับอิทธิพลทางด้านความคิดจากพุทธศาสนา ซึ่งปลูกฝังให้คนเรารู้จักให้อภัยกันและกัน ทำให้คนในสังคมของเรา อยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยและเกื้อกูลกัน ซึ่งนี้คือสิ่งที่หลายคนเห็นว่า “การลืมง่าย” ก่อให้เกิดผลดีกับบ้านเมืองของเราอย่างไรก็ดีธรรมชาติของเหรียญย่อมต้องมีสองด้าน...…
SenseMaker
เป็นความตั้งใจของข้าพเจ้า ที่ปล่อยให้บทความที่แล้ว ยึดพื้นที่คอลัมน์ยาวกว่าปกติสักหน่อย เพื่อดึงความสนใจจากผู้อ่าน และอยากให้ทุกท่านตระหนักว่า แนวโน้มการ Outsourcing ขององค์กรต่างๆ กำลังส่งผลกระทบสำคัญ กับแนวทางการดำเนินชีวิตของทุกคน บทความวันนี้ ให้ความสนใจกับปัญหาความล้มเหลวของโครงการด้าน ICT ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่องค์กรต่างๆกำลังเผชิญหน้าอยู่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อมุ่งค้นหาส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งสามารถช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ ในการดำเนินโครงการด้าน ICT
SenseMaker
ต้องขอโทษท่านผู้อ่าน ที่ติดตามคอลัมน์กรองกระแส ICT ที่บทความสำหรับอาทิตย์นี้ต้องล่าช้าสักหน่อย เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ใคร่สบายเล็กน้อย ในช่วงวันเวลาที่จัดไว้สำหรับเขียนบทความในบทความที่แล้ว ข้าพเจ้าพยายามชี้ให้ทุกท่านเห็น ปรากฏการณ์ที่ว่า ICT เป็นตัวแปรต้นที่สำคัญ ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย ให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งในบริบทของผลกระทบจากภายนอกองค์กร ในรูปแบบของ การทำให้สภาพแวดล้อมในการแข่งขันเปลี่ยนแปลง และในบริบทของผลกระทบที่เกิดภายในองค์กร ในลักษณะของการทำให้ รูปแบบการทำงานและแนวการบริหารทรัพยากรองค์กร ต้องเปลี่ยนไปบทความในวันนี้…
SenseMaker
ICT ตัวแปรต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ที่ไม่ควรถูกมองข้าม ก่อนเข้าสู่บทความอาทิตย์นี้ ข้าพเจ้าขอประณามการกระทำ ของผู้ที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย อยู่ในขณะนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าถือว่า ใครก็ตามที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง ไม่มีความรักชาติอย่างจริงจัง และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม หากทุกคน เล็งเห็นความสงบสุขและประโยชน์ ของประเทศเป็นสำคัญ จะต้องใช้วิธีประนีประนอม เพื่อหาหนทางแก้ปัญหา ความขัดแย้งทางความคิด ร่วมกัน มากกว่าการยึดเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ มองความคิดของอีกฝ่ายว่าไม่ถูกต้อง และมุ่งล้มล้างฝ่ายตรงข้าม…
SenseMaker
หลังจากที่ได้ขีดๆเขียนๆบทความ ในด้านที่ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับสังคมไทย และอยู่ในความสนใจของตัวเอง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เป็นเวลาอันสมควร ที่ควรจะทำความเข้าใจ กับผู้ให้ความกรุณาแวะเวียนเข้ามาอ่าน ทั้งขาประจำและขาจร ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงที่มาของคอลัมน์ “กรองกระแส ICT”จุดเริ่มต้นของคอลัมน์นี้ เกิดจากการที่ข้าพเจ้ามีความสนใจ และมีโอกาสศึกษาหาความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Information Technology (IT) และ ทางด้านระบบข้อมูลสารสนเทศ หรือ Information System (IS) ประกอบกับประสบการณ์ในการทำงาน ในอุตสหกรรมโทรคมนาคม จนถือได้ว่า ข้าพเจ้าโชคดีที่มีความคุ้นเคยกับ ICT…
SenseMaker
บทความในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจาก การได้รับทราบสองข่าว ซึ่งในความเห็นของข้าพเจ้า เป็นข่าวที่ไม่ได้อยู่ในกระแสความสนใจ ของคนไทยทั่วไปแต่อย่างไร แต่เป็นข่าวที่ข้าพเจ้า อยากเรียกร้องให้ทุกคน หันมาตระหนักถึงความน่ากลัว ของการถูกคุกคามโดย "Identity thief"Identity thief คือ กลุ่มคนที่มุ่งขโมยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่ใช้แสดงตัวตน ของบุคคลต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ใช้ข้อมูลดังกล่าวปลอมแปลงตนเป็นบุคคลผู้นั้น เพื่อหาประโยชน์อื่นๆต่อไปข่าวแรกที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกวิ่งราวกระเป๋าสตางค์ ภายหลังจากเกิดเรื่อง ซึ่งข้าพเจ้าเจ้าจำได้ไม่แน่นอนว่านานเท่าไหร่…
SenseMaker
“คู่แข่งกำลังลงทุนในเทคโนโลยี... เราจะรอช้าอยู่ไม่ได้ ต้องรีบดำเนินการผลักดันโครงการแบบเดียวกัน ให้เกิดขึ้นในทันที เพื่อตามให้ทัน และไม่ให้เราสูญเสียโอกาสทางการแข่งขัน"“เทคโนโลยี... กำลังได้รับความนิยมในตลาดโลก สร้างประโยชน์มากมายให้กับ ประเทศนั้นประเทศนี้ หรือองค์กรนั้นองค์กรนี้ ดังนั้นเราจึงควรลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าว อย่างเร่งด่วน”เหตุผลในทำนองข้างต้น เป็นเหตุผลที่ข้าพเจ้าได้ยินอยู่เป็นประจำ จากผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับนโยบาย ขององค์กรระดับต่างๆในประเทศไทย เพื่อนำเทคโนโลยีอันทันสมัย เข้ามาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีทางด้าน ICT
SenseMaker
เช้ามา...เปิดคอม เปิดเนต เช็คตารางนัด เช็คเมล ตอบเมล ล็อคอินเข้า MSN เอาไว้คุยกับเพื่อน หาข้อมูลจาก Google และ Wikipedia เข้าไปดูว่าเพื่อนๆทำอะไรกันบ้าง พร้อมกับอัพเดตของมูลตัวเองบน MySpace, Hi5 หรือ Facebook เข้าไปอ่านข่าว บทความ หรือกระทู้ จากแหล่งข้อมูลเฉพาะด้าน จาก Blog หรือสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่สนใจ เข้าไปดูวิดีโอแปลกๆ หรืออัพโหลดวิดีโอฝีมือตนเองบน Youtube เข้าไปอัพเดตรูปตัวเองหรือหารูปสวยๆบน Flickr และโทรหาใครหลายคน ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลกผ่าน Skypeชีวิตที่ดำเนินไปข้างต้น คงมีส่วนคล้ายกับชีวิตใครหลายคนในปัจจุบัน ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 30…