Skip to main content

โลกยุคหลังอุตสาหกรรม (Post industrial Age)” คือชื่อเรียกขานโลกในยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจ มีความแตกต่างไปจากยุคก่อนหน้าหรือ ยุคอุตสาหกรรม (Industrial Age) ซึ่งเป็นยุคที่โลกของเราถูกผลักดัน ด้วยการแข่งขันของแต่ละปัจเจกบุคคลหรือองค์กร ผ่านการพัฒนาความสามารถและเทคโนโลยีทางการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเพื่อความมั่งคั่งในที่สุด

อย่างไรก็ดี โลกยุคหลังอุตสาหกรรม แต่ละปัจเจกบุคคลหรือองค์กร ยังคงดิ้นรนต่อสู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเพื่อความมั่งคั่งในบั้นปลายเช่นเดิม หากแต่ความสำเร็จดังกล่าว กลับถูกขับเคลื่อน ผ่านการสร้าง เข้าถึง และได้มาซึ่งข้อมูล สำหรับการสร้างองค์ความรู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความเข้าใจในองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการแข่งขัน และนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าเดิม

นอกจากโลกในปัจจุบัน จะได้ชื่อว่าเป็นโลกยุคหลังอุตสาหกรรม มันยังถูกเรียกขานในอีกหลายชื่อตั้งแต่ “โลกยุคข้อมูลข่าวสาร (Information Age)” โลกยุคเศรษฐกิจองค์ความรู้ (Knowledge Economy)” และ “โลกยุคเศรษฐกิจบริการ (Service Based Economy)” ซึ่งชื่อทั้งหมดข้างต้น แตกต่างกันไปตามบริบท และมุมองของผู้รู้ในแต่ละด้าน

แน่นอนว่า เมื่อมองจากบริบทของโลกยุคข้อมูลข่าวสาร และ โลกยุคเศรษฐกิจองค์ความรู้ ผู้รู้จากทั้งสองบริบทดังกล่าว ตระหนักถึงปรากฏการณ์ที่ข้อมูลและองค์ความรู้ เป็นตัวแปรสำคัญทางสังคมและเศรษฐกิจ จนส่งผลถึงการได้มาซึ่งชื่อของยุค


ส่วนในบริบทของโลกยุคเศรษฐกิจบริการ แม้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว อาจสะท้อนออกมาไม่ชัดเจน อย่างในสองบริบทแรก แต่ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ในยุคของเศรษฐกิจบริการ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค มีความต้องการบริโภคข้อมูล เพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นคือในขณะที่ผู้ผลิต จำเป็นที่จะต้องสร้างและใช้งานฐานข้อมูลลูกค้า พร้อมทั้งฐานข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้มาซึ่ง การพัฒนาระบบงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งความเข้าใจในตลาดและความต้องการของลูกค้า ที่จะะทำให้ตนสามารถสร้างสินค้าพร้อมกับบริการ ที่มีประสิทธิภาพตรงและทันกับความต้องการ ของลูกค้า ซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้นได้

ในขณะเดียวกัน ลูกค้าก็จำต้องบริโภคข้อมูลมากขึ้นเช่นกัน เพื่อศึกษาสินค้าและบริการ ที่มีมากมายอยู่ในตลาด และเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทั้งในแง่ของจำนวนและข้อมูลสินค้า เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ดีที่สุด ที่ตรงกับเงื่อนไขและความต้องการ

เมื่อกล่าวโดยสังเขป ลักษณะเฉพาะของโลกยุคนี้คือ ข้อมูล ข่าวสาร และองค์ความรู้ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่อการดำรงอยู่ทางสังคมและเศรษฐกิจ ของทั้งระดับปัจเจกบุคคลและองค์กร โดยตัวบ่งชี้สำคัญของปรากฏการณ์นี้คือ ปริมาณการลงทุน ในเทคโนโลโยสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการประมวลผลและการกระจายข้อมูลต่างๆ ในทุกระดับทั่วโลก ไปจนถึงการขยายตัวของทั้งจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนต รวมทั้งขนาดและปริมาณธุรกิจที่เกิดขึ้นบนโลกไซเบอร์

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะมองจากบริบทใด ปริมาณข้อมูลทั่วโลกมีแต่จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น ในทุกวินาทีที่ผ่านไป ซึ่งหลักฐาน ทั้งในระดับของปัจเจกบุคคลและระดับองค์กร ปรากฎอย่างเด่นชัด ดังนี้

ในระดับปัจเจกบุคคล การที่แต่ละปัจเจกบุคคล มีและใช้ที่อยู่อีเมล (Email address) มากกว่าหนึ่งที่อยู่ รวมถึงปริมาณที่เพิ่มขึ้นของจำนวนอีเมลที่ดี ฟอร์เวิร์ดเมลจากเพื่อน และอีเมลขยะต่างๆ (Spam mail) ไปจนถึง การสร้างและปรับปรุงข้อมูลรายวัน ในลักษณะของ Blog หรือพื้นที่ส่วนตัวบนเครือข่ายสังคม (Social Network) ต่างๆ เช่น Facebook Hi5 และ MySpace

นอกจากนี้ยังรวมไปถึง การเกิดขึ้นและเป็นที่นิยม ในหมู่ประชากรบนโลกไซเบอร์ ของเว็บไซท์ที่แบ่งปันข้อมูลในลักษณะสื่อผสม (Multimedia Portal) ต่างๆ เช่น Youtube (Video) และ Flickr (Picture)

ส่วนในระดับองค์กร การที่แต่ละองค์กร ในทุกระดับ เร่งสร้างระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูล ตั้งแต่ระบบ Database Management ระบบ Data Warehouse ระบบ Data Mining ไปจนถึงการเกิดและเป็นที่นิยมของระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relation Management (CRM)) ระบบวางแผนจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning (ERP)) และระบบจัดการเครือข่ายการผลิต (Supply Chain Management)

ยิ่งไปกว่านั้น แนวความคิดต่างๆ ในการปรับปรุงองค์กร เช่น การมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organisation หรือ Knowledge Based Organisation) การเร่งสร้างบริการขององค์กรผ่านอินเตอร์เนต เช่น e-government เป็นต้น หรือเพื่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กร ไปสู่องค์กรเสมือน (Virtual Organisation) ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว

จะเห็นได้ว่าทุกกิจกรรมข้างต้น ไม่ว่าจะในระดับปัจเจกบุคคล หรือในระดับองค์กร มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน นั่นคือ เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการสร้าง จัดเก็บ กระจาย และทำให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม และสามารถถูกนำมาใช้ เมื่อต้องการได้ทันที

อย่างไรก็ดี ทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากจะสร้างประโยชน์ ตามเป้าหมายที่ทุกคนต้องการ การโตขึ้นของปริมาณข้อมูลทั่วโลก ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องโดยตรงของมัน กำลังก่อให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า “ข้อมูลท่วมโลก” ซึ่งมันกำลังส่งผลกระทบในวงกว้าง ในหลายบริบท ซึ่งในบางบริบท ได้เกิดเป็นประเด็นข่าว บนหน้าเว็บหนังสือพิมพ์หลักๆของโลกแล้ว ดังนี้

ข่าวแรกอ้างอิงจากคอลัมพ์หนังสือพิมพ์ Guardian ประเทศอังกฤษ (www.guardian.co.uk) ซึ่งคุณ Gernot Pehnelt นำเสนอประเด็นสำคัญนั่นคือ การขยายขนาดช่องสัญญาณอินเตอร์เนต ที่อาจไม่ทันกับการขยายตัวของปริมาณข้อมูล ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็ว จนทำให้เกิดการติดขัดของการรับส่งข้อมูล โดยยกตัวอย่างการเกิดขึ้นและเป็นที่นิยมของเว็บไซท์ ซึ่งต้องใช้ช่องสัญญาณในการรับส่งสูงอย่าง Youtube และเว็บผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบ High-Definition บนอินเตอร์เนต (ซึ่งต้องการช่องสัญญาณ มากกว่าการเข้าเว็บไซท์ทั่วไป 35,000 เว็บพร้อมกัน)

นอกจากนั้น ยังมีประเด็นสำคัญต่อเนื่องที่ว่า จากแนวโน้มข้างต้น จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องจัดลำดับ เพื่อให้ข้อมูลที่มีความสำคัญมากกว่า ถูกส่งผ่านไปก่อน (โดยเปรียบเทียบความสำคัญ ของการส่งข้อมูลของการรักษาระยะไกลผ่านอินเตอร์เนต (Telemedicine) ซึ่งไม่ควรทำให้การรับส่ง ถูกขัดขวาง หรือล่าช้า โดยข้อมูลประเภทอื่นๆ ที่มีความสำคัญน้อยกว่า เช่นข้อมูลของการ download เพลง) เพราะนั่นจะเป็นการทำลาย อิสรภาพในการส่งข้อมูล ผ่านอินเตอร์เนตอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประเภทไหนก็ตาม (Network Neutrality) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อินเตอร์เนต ได้รับความนิยมอย่างมากมาย เฉกเช่นในปัจจุบัน

ข่าวถัดมา เป็นข่าวจากคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ International Herald Tribune รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา (www.iht.com) ซึ่งคุณ Kevin J. O'Brien วิพากษ์ประเด็นที่ว่า เมื่อโลกต้องการขนาดช่องสัญญาณอินเตอร์เนตที่กว้างขึ้น เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ใครคือผู้ที่ควรแบกภาระดังกล่าว ระหว่างผู้ให้บริการอินเตอร์เนต ที่มีรายได้โดยตรงจากการให้บริการเชื่อมต่อช่องสัญญาณอินเตอร์เนต กับ ผู้ให้บริการเนื้อหาบนอินเตอร์เนต ซึ่งหาประโยชน์และมีรายได้ จากข้อมูลที่อยู่บนพื้นที่จัดเก็บของตน เนื่องจากในขณะนี้ดูเหมือนว่า ผู้ให้บริการเนื้อหาบนอินเตอร์เนต เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดสภาวะข้อมูลท่วมโลก

นอกจากนั้นยังมีประเด็นต่อเนื่องเกี่ยวกับ การบริหารจัดการคุณภาพและขนาดช่องสัญญาณอย่างเป็นธรรม ของผู้ให้บริการอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นผลมาจาก การบริโภคข้อมูลและความต้องการช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เพื่อให้ ผู้ให้บริการอินเตอร์เนต ยังมีแรงจูงใจที่จะขยายช่องสัญญาณ เพื่อรองรับสภาวะดังกล่าว และสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ในขณะที่ผู้บริโภค ได้รับบริการในระดับคุณภาพ ที่พึงได้ตามสัญญา

นอกจากผลกระทบ ที่ถูกสะท้อนโดยสองข่าวข้างต้น ในทัศนะของข้าพเจ้า สภาวะข้อมูลท่วมโลก ยังมีผลกระทบในอีกหลายบริบท เช่น บริบทของความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security) คือเมื่อข้อมูลเพิ่มมากขึ้นๆ แล้วเราจะดูแลข้อมูลอย่างทั่วถึงอย่างไร เพื่อไม่ให้รั่วไหล เพื่อรักษาความลับของข้อมูล (Confidentiality) เพื่อให้ข้อมูลไม่ถูกแก้ไขโดยผู้ไม่มีสิทธิ์ (Integrity) และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกครั้งที่ต้องการ (Availability) นอกจากนั้นยังนำไปสู่การเสี่ยงต่อการเสียความเป็นส่วนตัวของแต่ละปัจเจกบุคคล (Individual Privacy)

ในบริบทของประสิทธิภาพการทำงาน ตราบใดที่มนุษย์ยังมีเวลาในแต่ละวันเท่าเดิม การมีข้อมูลอยู่มากมาย จนบางครั้งมากเกินไป ใช่ว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ ดังจะเห็นจากทุกวันนี้ มนุษย์ต้องใช้เวลามากขึ้น เพื่อจัดการกับข้อมูลและข่าวสาร ที่มีให้บริโภคอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอีเมลซึ่งในปัจจุบันข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า แต่ละปัจเจกบุคคลมีที่อยู่อีเมลมากกว่าหนึ่งที่อยู่ ให้อ่านและจัดการ นอกจากนั้นยังต้องวุ่นกับข้อมูลในระบบต่างๆ ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น ทั้งในเรื่องงาน (ระบบงานต่างๆ ดังตัวอย่างข้างต้น) และสังคมส่วนตัว (การเล่น Blog และ เว็บเครือข่ายสังคมต่างๆ) ซึ่งแน่นอนว่า มนุษย์ต้องการความรู้และความสามารถ ในการเรียนรู้ จัดการ และเลือกรับบริโภคข้อมูลเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งทักษะในการบริหารจัดการเวลาที่ดีขึ้น

สุดท้าย ในบริบทของการลงทุน ปัจจุบัน ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและองค์กร ต้องการเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องมือและระบบต่างๆ ที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูล นั่นหมายความว่า ยิ่งข้อมูลมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ความต้องการเครื่องมือข้างต้น ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ภาพสะท้อนทั้งหมดข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบ ของการเพิ่มขึ้นของข้อมูล ในโลกยุคหลังอุตสาหกรรม ที่ทุกคนต้องตระหนักไว้เสมอว่า ในขณะที่เราได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่เพิ่มขึ้น เราจำต้องรู้เท่าทันผลกระทบต่างๆ เพื่อให้สามารถแบกรับภาระต่างๆที่เกิดขึ้นตามมา รวมทั้งความจำเป็นในการได้มาซึ่งความรู้ ความสามารถ และทักษะที่เหมาะสม เพื่อจัดการกับทั้งข้อมูล และเพื่อให้เราสามารถสร้างสมดุลย์ระหว่างประโยชน์และภาระที่เกิดขึ้นได้ ในท้ายที่สุด


บล็อกของ SenseMaker

SenseMaker
น้ำมาถึงไหนแล้วหว่า...บ้านฉันน้ำจะท่วมมั้ยเนี่ย...จะหาข้อมูลที่จำเป็นได้จากที่ไหนบ้างหว่า...เวลาเดือดร้อนจะต้องแจ้งใคร...ทำไมโทรไป 1111 กด 5 แล้วถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้... ........ใครก็ได้ช่วยบอกทีเหอะว่าฉันกับครอบครัวต้องทำยังไงบ้าง.......ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอะไรๆก็ไม่มี ที่มีก็ไม่รู้จะเชื่อได้มากขนาดไหน เชื่อได้รึเปล่า.........
SenseMaker
ขอสวัสดีปีใหม่แด่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงอวยพรให้ทุกท่าน สุขกาย สบายใจมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ และมีสติในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ
SenseMaker
  จากที่สัญญาว่าในบทความนี้ ข้าพเจ้าจะมาต่อยอดบทความจากครั้งที่แล้วในหัวข้อ “ความร่ำรวยข้อมูล” ด้วยการวิเคราะห์ความจำเป็น ที่เราจักต้องพัฒนาทั้ง 3 ส่วนประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความอุดมทางด้านข้อมูล ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และมุมมองที่มีในการวางแผนโครงสร้างข้อมูลบนเว็บ ไปพร้อมๆกัน เพื่อทำให้ทุกท่านเข้าใจประเด็นดังกล่าวนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
SenseMaker
เป็นอีกครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถส่งบทความเข้ามาได้ตามกำหนด โดยคราวนี้ทิ้งระยะไปนานมาก จนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดต่อผู้อ่านและผู้บริหาร blogazine เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
SenseMaker
ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วในหัวข้อ ความเป็นส่วนตัวของคุณราคาเท่าไหร่ ข้าพเจ้าอยากชวนท่านผู้อ่านคิดต่อไปอีกนิดว่า ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ท่านเปิดเผยไว้บนพื้นที่ออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social network sites) ต่างๆ เช่น Facebook และ MySpace จะไม่ทำให้ท่านสูญเสียอะไร หรือเสียใจในอนาคต
SenseMaker
จากบทความที่แล้วในหัวข้อ การจัดระเบียบโลกใหม่ การเมืองไทย และICT ข้าพเจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ICT ในปัจจุบัน ทำให้ความสามารถของมนุษย์ ในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากอาศัยเพียงประสาทสัมผัสของมนุษย์ จะไม่สามารถเข้าถึงและจัดการได้ และความด้วยความก้าวหน้านี้ ทำให้มนุษย์สามารถเห็นและรับรู้ ในข้อมูลที่เคยยากที่จะเห็นและรับรู้ อีกทั้งยังทำให้เข้าใจในสิ่งที่เคยยากต่อการวิเคราะห์
SenseMaker
ความก้าวหน้าทาง ICT ในปัจจุบัน ช่วยให้เราๆท่านๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งยากที่จะเข้าถึงในอดีต ได้ง่ายขึ้น เช่น ข้อมูลของบุคคลหรือข้อมูลขององค์กรที่เราสนใจ ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศใดประเทศหนึ่ง รวมถึงองค์ความรู้ในด้านต่างๆ เป็นต้น
SenseMaker
หลังจากบทความที่เรียกได้ว่า บทบรรณาธิการแรก ได้ชี้แจงเป้าหมายการดำรงอยู่ ของพื้นที่ทางความคิดแห่งนี้ บัดนี้เวลาล่วงเลยมาครึ่งปี โอกาสแห่งการพูดคุย กับท่านผู้อ่านอีกครั้ง ก็มาถึงทุกๆ12 บทความ ที่ได้ทำหน้าที่ของมันผ่านพ้นไป ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ผู้เขียนกับผู้อ่านจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพื่อทำให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นประโยชน์กับทุกๆคน อย่างแท้จริงในทัศนะของข้าพเจ้าแล้ว ICT เข้ามามีบทบาท ต่อชีวิตของเราทุกคน ในทุกวันนี้มากขึ้นทุกที แต่ละคนได้รับประโยชน์ ผลกระทบ และผลลัพธ์ ที่แตกต่างกันไป จากการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ซึ่งมี ICT เป็นปัจจัยต้นเหตุ
SenseMaker
Peer Review อาจไม่ใช่คำในภาษาอังกฤษ ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมคุ้นเคย แต่เป็นคำคุ้นเคยเป็นอย่างดีในสังคมนักวิชาการ อาจารย์ หรือ นักวิจัย เนื่องจากสังคมดังกล่าว มีวัฒนธรรมและกิจกรรมหลัก ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้วยการต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม ผ่านการพัฒนาผลงานวิจัยใหม่ ซึ่งการยอมรับจากสมาชิกในสังคมเดียวกัน มีความสำคัญกับผลงานวิจัยแต่ละชิ้นมาก เนื่องจากไม่ว่าผลงานดังกล่าว จะมีคุณภาพในสายตาผู้พัฒนาเพียงใด แต่หากไม่ได้รับการตอบรับจากสมาชิกในสังคม ผลงานนั้นก็ถือได้ว่า ไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับสังคมมากนัก
SenseMaker
ในอดีต การเกิดขึ้นของสังคม มักจะถูกจำกัดด้วยเส้นขอบเขตของเวลาและสถานที่ การเป็นส่วนหนึ่งในสังคม เกิดจากการมีส่วนร่วมอยู่ในเวลาและสถานที่เดียวกัน เช่น การอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน การไปโรงเรียนหรือสถานศึกษาเดียวกัน การทำงานในบริษัทหรือสถานที่ทำงานเดียวกัน หรือ การอยู่ในกลุ่มทำกิจกรรมเดียวกัน เป็นต้นแต่ด้วยความก้าวหน้าของ ICT และการขยายตัวของอินเตอร์เนต ทำให้ในปัจจุบัน การมีและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ของเราแต่ละคน ไม่ถูกจำกัดโดยสองข้อจำกัดข้างต้น อีกต่อไป และทำให้ในปัจจุบันนั้น เราแต่ละคน มีและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่ถูกสร้างขึ้นบนอินเตอร์เนต เพิ่มมากขึ้นๆทุกที
SenseMaker
  หลังจากหลายบทความในคอลัมน์แห่งนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่นับวันดูเหมือนว่า "เป็นการยากสำหรับประชาชน ที่จะทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อการดำรงชีวิตอย่างเท่าทัน" บทความวันนี้ จึงถูกเขียนขึ้นเพื่อแสดงทัศนะเกี่ยวกับกลไกทางสังคม ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพื่อทำหน้าที่คุ้มกันและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบหรือถูกกระทำ จากความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหล่านี้ โดยไม่อาจป้องกันตนเองได้อย่างเท่าทัน หากขาดไปซึ่งกลไกทางสังคมที่จะขอกล่าวถึงในวันนี้เรามาเริ่มทบทวนกันก่อนว่าความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ซึ่งถูกกล่าวถึงในคอลัมน์แห่งนี้…
SenseMaker
สุขสันต์ปีใหม่แด่ทุกท่าน ผู้ซึ่งให้เกียรติแวะเวียนเข้ามาอ่านบทความในคอลัมน์แห่งนี้ ทั้งขาประจำและขาจร ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงอำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกาย สบายใจ และสามารถดำรงชีวิตอย่างมีสติ (และมีสตางค์ใช้อย่างพอเพียง) ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยอีกหนึ่งงานเขียนที่มุ่งสื่อสารให้ผู้คนในวงกว้าง ตระหนักถึงผลกระทบที่ ICT มีต่อการดำเนินชีวิตในทุกระดับ เพื่อให้ทุกท่านสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเท่าทัน อีกทั้งสามารถประยุกต์ใช้มันอย่างมีประโยชน์