Skip to main content

  

วันนี้ขอเปลี่ยนจากวรรณกรรมไทยมาเป็นวรรณกรรมต่างประเทศกันบ้าง หลังจากอ่านวรรณกรรมเล่มนี้จบแล้ว ยอมรับว่ารู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างวรรณกรรมเยาวชนของไทยและต่างประเทศ ทั้งสำนวนภาษา ทั้งเทคนิคลีลาการเล่าเรื่องและความเข้มข้นจัดจ้านของเนื้อหา


ขอบ่นนิดหนึ่งว่าเท่าที่อ่านและเขียนถึงวรรณกรรมเยาวชนของไทย จำนวนไม่น้อยถ้าไม่เล่าเรื่องชนบทเรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นติดตามแล้วก็มักจะบรรเจิดเพริศแพร้วในเรื่องจินตนาการมากเสียจนกลายเป็นนิทานก่อนนอนไปหรือไม่ก็เขียนสำหรับให้เยาวชนอ่านเท่านั้น ไม่ท้าทายผู้อ่านวัยอื่น ๆ แต่อย่างไรเสีย เชื่อว่าวรรณกรรมเยาวชนไทยคงจะได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ หากว่าได้รับการส่งเสริมสนับสนุนดีพอ


"โลกของเธอ... บิเบียน่า" วรรณกรรมสัญชาติสเปนคือหนังสือที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี มีครบทุกรสชาติ ตั้งแต่อารมณ์ขัน ความสุขสนุกสนานแบบเด็ก ๆ ความเศร้าซึ้งสะเทือนใจ เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ผมวางไม่ลง หยิบมาอ่านแล้วต้องอ่านให้จบ


เด็กน้อยบิเบียน่า อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สวยงาม เธอกำพร้าแม่ตั้งแต่กำเนิด อาศัยอยู่กับพ่อขี้เมาที่ไม่ทำการทำงาน เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับบิเบียน่าแล้ว เธอรักพ่อของเธอมากและไม่คิดว่าพ่อจะเลวร้ายดังที่คนอื่นพูดแม้ว่าจะติดสุราก็ตามเพราะสำหรับเธอแล้วคนเมาก็มีหลายประเภท พ่อของเธอเป็นคนเมาที่อยู่ในประเภทคนดี ครั้งหนึ่งบิเบียน่า ลองถามพ่อว่า

"พ่อคะ คนขี้เมาเป็นยังไงคะ"

"มีคนบอกหนูใช่ไหมว่าพ่อเป็นคนขี้เมา"

"ค่ะพ่อ ใคร ๆ ก็บอก"


พ่อนิ่งคิดก่อนตอบว่า "จริง ๆ แล้วพ่อไม่อยากเป็นคนขี้เมาหรอกนะ เรื่องของเรื่องก็คือว่า พ่อรู้สึกเจ็บที่ตรงนี้" พูดพลางชี้ไปที่หัวใจ "แล้วเหล้ามันทำให้พ่อรู้สึกดีขึ้นเวลาดื่ม"

"แล้วทำไมพ่อไม่ไปหาหมอล่ะคะ"

"คืองี้นะลูก มันเป็นความเจ็บปวดที่หมอคนไหนก็รักษาไม่หาย"

"ถ้างั้นมีใครรักษาพ่อได้บ้างคะ"

"พ่อคิดว่าคงไม่มีใครเลย" (หน้า 8)


พ่อเกรงว่าบิเบียน่าจะเศร้าโศกไปกับคำตอบจึงบอกต่อไปว่า คนเดียวที่จะรักษาอาการเจ็บที่หัวใจได้คือบิเบียน่านั่นเอง


การกำพร้าแม่ของบิเบียน่าได้รับการชดเชยด้วยการที่เธอแวดล้อมด้วยคนดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นป้าอังกุ๊สเตียส เพื่อนบ้านแสนดีที่คอยดูแลเอาใจใส่บิเบียน่าราวกับเป็นลูกของตนเอง พาบิเบียน่าติดสอยห้อยตามไปรับจ้างทำความสะอาดตามบ้านต่าง ๆ บางครั้งบิเบียน่าก็ได้รับจ้างให้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กจนบิเบยน่าสามารถเก็บเงินสะสมได้ไม่น้อย แต่เงินสะสมของเธอก็มักถูกพ่อขโมยไปดื่มเหล้าและเล่นการพนัน


คุณครูต๊ะฉิ เป็นคุณครูประจำชั้นที่ปกป้องและหวงแหนบิเบียน่า บิเบียน่าประทับใจตัวคุณครูมากจนคิดว่าเมื่อโตขึ้นจะเป็นครู อย่างไรก็ตาม คุณครูต๊ะฉิเห็นว่าพ่อของบิเบียน่าไม่มีคุณสมบัติของการเป็นพ่อที่ดี เอาแต่ดื่ม ไม่ทำงานซ้ำยังขโมยเงินลูกเอาไปดื่มเหล่าและเล่นการพนันเสียอีก ไม่เหมาะที่จะดูแลบิเบียน่า


กิ๊นโฉ่ เป็นเด็กชายแก่แดด เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย เขาชอบบิเบียน่าเพราะว่าบิเบียน่าทั้งเก่ง ฉลาดแล้วก็สวยด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรื่องในเรื่องการเรียน แต่เขาตามติดคอยช่วยเหลือบิเบียน่าตลอด เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้พ่อของบิเบียน่าเลิกเหล้า


บิเบียน่าเติบโตขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป็นที่รักของทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่แล้ววันหนึ่งโศกนาฎกรรมอันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดก็มาเยือนเพื่อทดสอบความเข้มแข็งและความรักระหว่างเธอกับพ่อ


เมื่อบิเบียน่าลองขี่จักรยานครั้งหนึ่ง เธอก็ติดใจ อยากขี่มันอีก จักรยานพาชีวิตแล่นฉิวไปข้างหน้า เธอตื่นเต้นมากกับการได้ขี่จักรยาน เธอเก็บหอมรอมริบเงินที่หามาได้เพื่อจะซื้อจักรยานแต่สุดท้ายเงินก็ถูกพ่อเอาไป หัวใจเธอแทบสลายเมื่อเห็นกระปุกออมสินแตกกระจายด้วยน้ำมือพ่อของเธอ


ประจวบเหมาะกับที่พี่สาวของเด็กชายกิ๊นโฉ่ซึ่งมีฐานะร่ำรวยทิ้งจักรยานเก่าคันหนึ่งไว้ข้างทางและไม่แยแสใส่ใจจักรยานคันนั้นอีก บิเบียน่าจึงขอจักรยานที่ถูกทิ้งมาทาสีใหม่สวยงาม แต่ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องกลับกลายเป็นว่าพ่อของบิเบียน่าถูกกล่าวหาว่าขโมยจักรยานมาให้ลูกตนเอง


เรื่องเลยเถิดไปกันใหญ่เมื่อคุณครูต๊ะฉิทำเรื่องไปยังศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กเพื่อมารับตัวบิเบียน่าไปด้วยเห็นว่าชีวิตบิเบียน่าจะดีกว่านี้หากอยู่ให้ห่างจากพ่อของตนเอง บิเบียน่าผิดหวังในตัวคุณครูต๊ะฉิมากที่ไม่เข้าใจว่าพ่อมีความหมายต่อเธอมากเพียงใด และไม่รู้ว่าเธอมีความหมายต่อพ่อมากขนาดไหน พ่อเล่านิทานก่อนนอนให้เธอฟังทุกคืนและอ่อนโยนกับเธอมาก พ่ออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ


บิเบียน่าถูกจับพรากจากพ่อของเธอทุกคนในหมู่บ้านต่างพลอยเศร้ากับชีวิตของคนทั้งคู่ แต่ท้ายสุดแล้วเหตุการณ์ก็คลี่คลายไป พ่อของบิเบียน่าสามารถเลิกเหล้าได้ด้วยการช่วยเหลือของคนรอบข้าง บิเบียน่าจึงได้กลับมาอยู่กับพ่อเหมือนเดิม


โลกของบิเบียน่า ไม่ใช่โลกที่สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็เป็นโลกที่ห้อมล้อมด้วยความรักของพ่อที่ไม่มีอะไรมาทำลายได้ แม้ว่าจะกำพร้าแม่ โลกของบิเบียน่าก็ไม่เลวร้ายเสียทีเดียว ตรงกันข้าม โลกนี้กลับสวยงามน่าอยู่ด้วยการปั้นแต่งจากมือของเธอเอง.

 

 

บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
วรรณกรรมที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ว่าทำไม่ได้ดีเท่าตอนเป็นหนังสือ แต่ “ผีเสื้อและดอกไม้” ต่างออกไป สวยงามในคราที่เป็นหนังสือและสมบูรณ์แบบแทบไร้ที่ติเมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายประมาณปี 2528 ด้วยผลงานการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และรับบทนำโดย สุริยา เยาวสังข์ ซึ่งเคยมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ผมเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่อาจารย์ภาษาไทยบังคับให้อ่านโดยให้เลือกเอาระหว่าง “ข้างหลังภาพ” กับ “ผีเสื้อและดอกไม้” ผมเลือกอ่าน “ผีเสื้อและดอกไม้” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ข้างหลังภาพ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัก ๆ ใคร่ ๆ…
นาลกะ
  "ผีน้อยโลกมายา" คือวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทานแว่นแก้ว โดยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดประจำปี 2544 เขียนโดย วันทนีย์ วิบูลกีรติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค "ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
นาลกะ
เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำงานที่ชนะการประกวดใน โครงการพัฒนาทักษะด้านการเขียนวรรณกรรมสำหรับเยาวชน มารวมเล่ม โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัทนานมี บุ๊ค จำกัด โดยได้อัญเชิญวรรณกรรมเยาวชนในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพเรื่อง แก้วจอมซน และ แก้วจอมแก่น มาจุดประกาย
นาลกะ
"ย่ำสวนป่า" เป็นเรื่องเล่าจากชนบทที่มีกังวานเสียงแห่งความภาคภูมิใจกับการที่ได้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสวนป่าที่มีสิ่งให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ และมีรูปแบบชีวิตที่สัมพันธ์เกี่ยวโยงอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติผู้เล่าเรื่องบอกไว้ในตอนท้าย หลังจากที่ปลดปล่อยความทรงจำวัยเด็กให้ออกมามีชีวิตวิ่งเต้นบนหน้ากระดาษเสร็จแล้วว่า"มันไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป แต่เป็นความทรงจำแสนสนุกที่ผมไม่คิดจะลืมเลือน ผมจะจดจำไว้ว่าที่นี่... คือบ้านเก่าของผม..." (หน้า 118)
นาลกะ
ความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่ทำให้มียอดคนตายถึง 6 ล้านคนนั้นมีประเด็นและเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่รู้จบกระทั่งปัจจุบัน ศิลปะภาพยนตร์และวรรณกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่นำเอาการฆาตกรรมหฤโหดมาเสนอในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ถึงความไร้เหตุผลของมนุษย์ที่นำไปสู่การทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งมนุษย์ด้วยกันเอง “ชะตาลิขิต” วรรณกรรมแปลจากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค เป็นอีกเล่มหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรงและพรรณนาสภาพเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในตอนนั้นไว้อย่างละเอียดลออทั้งนี้เพราะตัวผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มี ประสบการณ์ตรงจากการถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันตั้งแต่เด็ก…
นาลกะ
หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ “Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30 หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า “มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน” “ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง” “ถูกภรรยาทิ้ง” “ตกงาน” “รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”…
นาลกะ
ไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง "Lassie Come Home " ทางเคเบิลทีวี ซึ่งน่าสนใจและน่าประทับใจดี จึงหาหนังสือมาอ่านพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้แปลเป็นไทยนานแล้ว โดย ร.ท.นิพนธ์ กาบสลับพล และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ "แลสซี่" ถือกำเนิดจากปลายปากกาของนักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อเมริกัน เอริค ไนท์ (Eric Knight) ในรูปแบบเรื่องสั้น ตีพิมพ์ลงใน Saturday Evening Post เมื่อปี 1938 และผู้เขียนขยายเป็นนวนิยายในปี 1940 ซึ่งประสบความเป็นอย่างดี Lassie ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหนรวมทั้งเป็นซีรี่ส์ทางจอโทรทัศน์โดยมีดาราฮอลลีวู้ดระดับตำนานนำแสดง ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์, มิคกี้ รูนี่ย์,…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ มักมุ่งเน้นให้เยาวชนขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน เรียนให้จบชั้นสูง ๆ เพื่อที่จะได้มีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต หรืออดทนกัดฟันสู้ต่อความยากลำบาก ต่อความด้อยโอกาสกระทั่งเอาชนะได้ในที่สุด กล่าวอีกแบบก็คืออดทนทำดีเข้าไว้เพื่อตัวเองนั่นแหละที่จะได้ดี หรือถ้าไม่เป็นไปตามลักษณะข้างต้น วรรณกรรมเยาวชนที่เขียน ๆ กันก็มักจะเน้นการใช้จินตนาการจนหลุดลอยจากโลกแห่งความเป็นจริง กลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนเชิงแฟนตาซีที่อะไร ๆ ก็ดูสวยงามไปหมด เหมือนเป็นการพาเยาวชนคนอ่านหลบหนีไปจากโลกจริงสู่โลกจินตนาการของภาษา แต่วรรณกรรมเรื่อง “กะลาสีเรือผู้กล้าหาญ” ประพันธ์โดย “จังว่าง”…
นาลกะ
น่าดีใจที่สำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” พิมพ์วรรณกรรมเยาวชนออกมาอย่างต่อเนื่องโดยคัดกรองเอาจากการประกวดรางวัล “แว่นแก้ว” แม้ว่าวรรณกรรมที่ผ่านเข้ามาบางเรื่องอาจไม่อยู่ในระดับที่ดีนัก นอกจากจะเป็นการปลุกการอ่านและการเขียนวรรณกรรมเยาวชนให้กระเตื้องขึ้นบ้างแล้วยังถือเป็นการให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ที่น่ารักน่าชังในอีกโสดหนึ่งด้วย “กระเบนยักษ์คู่อาฆาต” ผลงานของ “เพชร บุตรทองพูน” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านคัดกรองจากรางวัลวรรณกรรมเยาวชนพระราชทาน “แว่นแก้ว” ซึ่งยืนยงและหนักแน่นในการสร้างสรรค์วรรณกรรมเยาวชนมานานหลายปีจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัล “แว่นแก้ว” เป็นสถาบันทางวรรณกรรม…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน “แว่นแก้ว” เรื่อง “คำใส” นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2546 ประเภทนวนิยาย ส่งเข้าประกวดโดย “วีระศักดิ์ สุยะลา” นักเขียนหน้าใหม่จากจังหวัดอุบลราชธานี และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” สำนักพิมพ์ที่เล็งเห็นความสำคัญของวรรณกรรมเยาวชน จุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้ คือ การฉายให้เห็นถึงความเป็นไปของชนบทภาคอีสานที่กำลังอยู่ในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับโลกภายนอกหมู่บ้าน ดังนั้นเราจึงได้พบว่า เมื่อมีปัญหาทางการเงิน ตัวละครบางตัวจึงตัดใจทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลังเพื่อเข้ามาทำงานขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพ ฯ…
นาลกะ
“รุ่งอรุณ สัมปัชชลิต” แปลเรื่อง จากเถ้าธุลี จากต้นฉบับ Out of the Ashes ที่เขียนโดย “Michael Morpurgo” นักเขียนชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักมากคนหนึ่งในฐานะนักเขียนวรรณกรรมเยาวชน จนถึงปัจจุบัน “Michael Morpurgo” มีผลงานทั้งหมด 95 เรื่อง ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกกว่ายี่สิบภาษาและนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ห้าเรื่องด้วยกัน เขาได้รับรางวัลทางด้านวรรณกรรมเยาวชนมากมาย เช่น รางวัล The Children’s Book Award, The Whitbread Award นอกจากนี้ เขายังได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงสุดด้านวรรณกรรมสำหรับเด็กของประเทศอังกฤษ
นาลกะ
หลังการจากไปของลัทธิจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ประเทศคองโกก็ประสบกับความวุ่นวายเพราะชนชั้นนำแย่งชิงอำนาจกันเอง กระทั่งได้ผู้นำที่เข้มแข็งจนจัดตั้งระบอบ “ปฏิวัติ” ที่วางรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิสังคมเชิงวิทยาศาสตร์” ระบอบการปกครองใหม่มาพร้อมกับกติกากฎเกณฑ์และสัญลักษณ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงชาติ ชื่อประเทศ ธงชาติกลายเป็นสีแดง มีการเพิ่มดาว ค้อน เคียว มีการห้ามสวดมนต์ ร้องเพลง และห้ามคิด จะเดินทางไปไหนมาไหนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของทางการ ฟังดูคล้ายกับยุคสมัยแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างมโหฬาร…